Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ.....ไอพีโอ D ..หุ้นทันตกรรมเวิลด์คลาส

8,974

 


    รายงานพิเศษ.....ไอพีโอ D ..หุ้นทันตกรรมเวิลด์คลาส
 




 
                ตรวจสุขภาพหุ้นน้องใหม่ IPO บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D ที่ใครต่อใครต่างเอาไปเทียบกับ บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC ซึ่งกำลังจะเข้ามาซื้อขายในกระดาน mai ในวันที่ 3 เมษายน 2560 นี้ บอกได้เลยว่า..ถึงจะอยู่ในวงการทันตกรรมเหมือนกัน แต่คุณภาพและลีลาต่างกันแน่นอน งานนี้เปิดให้เห็นกันชัดๆ ไปเลยว่า ของระดับเวิลด์คลาสมันดีเยี่ยมอย่างไร
                  หลังจาก บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อย่อว่า D ประกาศเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองหุ้นไอพีโอระหว่างวันที่ 24-27 มีนาคม 2560 ที่ราคา 6 บาทต่อหุ้นรวมจำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาทโดยมีกำหนดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ วันที่ 3 เมษายน 2560 แม้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะแสดงความสนใจเนืองแน่น ทว่าก็ยังมีนักลงทุนอีกจำนวนหนึ่งที่ติดภาพของอีกบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งทำธุรกิจบริการทันตกรรมเหมือนกันคือ บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC ทำให้มีความเชื่อว่าโครงสร้างการดำเนินงานจะคล้ายคลึงกัน ซึ่งแท้จริงแล้วนับเป็นความเชื่อที่คลาดเคลื่อนไปพอสมควร ทั้งนี้ความแตกต่างได้ปรากฏชัดตั้งแต่แนวคิดการทำธุรกิจตลอดไปจนถึงบรรทัดสุดท้ายในงบการเงินที่แสดงออกมา
               จุดเริ่มต้นของความแตกต่างมาจากวิสัยทัศของผู้บริหารสูงสุด ทพ.พรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร D และคณะบริหารที่มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำทางธุรกิจทันตสุขภาพของประเทศไทย นี่เองจึงทำให้มีการวางรากฐานด้วยมาตรฐานระดับโลกกลายเป็นคำว่า "คุณภาพที่สามารถดึงดูดลูกค้าที่ต้องการบริการที่ดีที่สุด" ในขณะที่ LDC ที่เข้าตลาดหุ้นมาก่อนต้องการเป็นมืออาชีพด้านบริการทันตกรรมและมีเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
                 จากวิสัยทัศน์ต่างมุมกันทำให้ทุกๆ อย่างที่ตามมาย่อมไม่เหมือนกันตามไปด้วย สิ่งแรกคือ มาตรฐานศูนย์ทันตกรรมของ D ถือเป็นรายแรกของประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานคุณภาพจาก Joint Commission International หรือ JCI  ของสหรัฐอเมริกา เป็นที่ยอมรับในระดับโลก ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเพียงรายแค่ 3 รายเท่านั้นที่ผ่านมาตรฐานนี้ อีกทั้งศูนย์ทันตกรรมยังได้การรับรองมาตรฐาน ISO 9001 ด้วย รวมไปถึงมีรางวัล Asia Pacific APEA ในฐานะเป็นผู้นำทางธุรกิจทันตสุขภาพในระดับเอเชียแปซิฟิกการรันตีในการเป็นผู้นำในวงการ ส่วน LDC ก็มีมาตรฐานรับรองคุณภาพสถานพยาบาลที่ดี แต่ชื่อชั้นใบการันตียังดูขลังน้อยกว่า
                 สืบเนื่องจากมาตรฐาน JCI ทำให้แผนการตลาดของ D สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าระดับบน และระดับกลาง-บนได้โดยง่าย มีลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติมากมาย ตัดสินใจเดินทางมาประเทศไทย เพื่อใช้บริการของศูนย์ทันตกรรมแห่งนี้โดยเฉพาะโดยเฉพาะ ฐานลูกค้าราวครึ่งเป็นคนต่างประเทศมีชาวออสเตรเลียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งลูกค้าต่างประเทศจะมีค่าใช้จ่ายต่อหัวในการใช้บริการสูงมาก เพราะมักจะใช้บริการแบบครบวงจรในครั้งเดียวที่มา ขณะที่พฤติกรรมลูกค้าคนไทยจะค่อยๆ ทำที่จะจุด ในขณะที่ LDC ก็พยายามเพิ่มฐานลูกค้าระดับบนเช่นกัน จึงได้เน้นการลงทุนในจังหวัดใหญ่จริงๆ และมีการใช้จ่ายต่อหัวสูง 
                  การเปิดสาขาของ D จะไม่เน้นปริมาณ หัวใจสำคัญคือต้องมั่นใจว่าพื้นที่เป้าหมายมีฐานลูกค้ารออยู่แล้วมากพอที่จะสร้างจุดคุ้มทุนได้เร็วที่สุด หรือเลือกเปิดสาขาในเมืองใหญ่ที่มีชาวต่างชาติกำลังซื้อสูงเท่านั้น ปัจจุบัน “เดนทัล คอร์ปอเรชั่น” มีทั้งหมด 12 สาขา เป็นศูนย์ทันตกรรมจำนวน 2 สาขา และคลินิกทันตกรรมจำนวน 10 สาขา ในอนาคตมีแผนที่จะเปิดอีกหลายสาขา โดยจะเป็นทำเลที่ต้องมีศักยภาพไม่ด้อยว่าจุดที่มีอยู่แล้ว ด้าน LDC ณ สิ้นปี 2559 มีสาขาทั้งหมด 31 สาขา ทว่ากลับมีปัญหาในเรื่องอัตราผู้เข้าใช้บริการต่ำลงเรื่อยๆ และมีประเด็นเรื่องของต้นทุนจากการลงทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ในปี 2560 ยังไม่มีการเปิดสาขาใหม่ แต่อาจขยายธุรกิจด้วยวิธีสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรแทน
             เมื่อเปรียบเทียบงบการเงิน D มีความโดดเด่นกว่า ทั้งรายได้และกำไรโตดีต่อเนื่อง ย้อนหลัง 3 ปี (2557-2559) มีรายได้รวม 408.26 ล้านบาท 418.56 ล้านบาท และ 446.52 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรสุทธิ 3 ปี อยู่ที่ 25.59 ล้านบาท 12.31 ล้านบาท และ 42.52 ล้านบาท  สำหรับเป้าหมายรายได้ปี 2560 คาดว่าจะเติบโตราว 5-10 % จากปี 2559 จากจำนวนผู้ใช้บริการมีเพิ่มต่อเนื่อง และคาดมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ปีนี้สูงกว่า 10% เพิ่มขึ้น จากปี 59 อยู่ที่ 9.52% ซึ่งกำไรที่ดีขึ้นเกิดจากการไม่มีภาระดอกเบี้ยและการควบคุมต้นทุนทำได้ดีขึ้น 
              ฝั่ง  LDC รายได้ย้อยหลังทรงตัวมาตั้งแต่เข้าตลาดโดยปีล่าสุดทำได้ 350.29 ล้านบาท แต่ที่น่ากังวลคือขาดทุนเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งจากปี 2557 กำไร 7.09 ล้านบาท กลายมาเป็นปี 2558 ขาดทุน 30.62 ล้านบาท และในปี 2559 ขาดทุน 82.53 ล้านบาท ภายใต้อัตรากำไรสุทธิติดลบ 23.56% 
              บรรทัดสุดท้ายในงบของ 2 กิจการที่ผิดกันสิ้นเชิง เกิดจากระบบการบริหารค่าใช้จ่ายภายในที่ไม่เหมือนกัน สาขาจำนวนมากนำมาซึ่งต้นทุนคงที่ ค่าบุคลากร และค่าเสื่อมจำนวนมากตามไปด้วย แต่การที่ D กลับทำกำไรได้นอกเหนือจากเรื่องการเลือกทำเลที่ดีแล้ว ยังมาจากวิธีการคิดผลตอบแทนให้ทันตแพทย์ที่ใช้ระบบฐานรายจ่ายคงตัว ส่วน LDC เป็นแบบให้ส่วนแบ่งสัดส่วนเพิ่มตามตกลง (เนื่องจากลูกค้าในต่างจังหวัดให้ความสำคัญกับตัวแพทย์มากกว่าแบรนด์ LDC ) จึงทำให้ทุกๆ เม็ดเงินรายได้ที่มากขึ้นของ D เมื่อเลยจุดคุ้มทุนไปแล้วหมายถึงกำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วย อีกประเด็นเป็นเรื่องของการวางโครงสร้างซัพพลายเชนอันทำให้ต้นทุนของ D ดีกว่าเมื่อเทียบหน่วยต่อหน่วย
           ประเด็นสำคัญที่สุดที่ D มีเหนือกว่าคือการได้ที่ปรึกษาทางการเงินที่เก่งฉกาจอย่าง บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) ซึ่งช่วยวางแผนให้ใช้โอกาสในตลาดทุนได้อย่างคุ้มค้าที่สุด เฉกเช่นอีกหลายๆ กิจการที่เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือปรึกษาทางการเงินรายเดียวกันนี้มาแล้ว อาทิ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7, บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (มหาชน) หรือ TKN, บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD,  บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART, บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT และอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ทั้งผลประกอบการจริงเติบโตมั่นคงได้ในระยะยาวสอดคล้องกับราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเช่นกัน
            ทั้งหมดนี้จึงเป็นคำตอบว่าทำไมจึงไม่ควรนำเอาหุ้น D ไปเปรียบเทียบกับ LDC ซึ่งประเด็นสำคัญที่ควรมองคือศักยภาพที่แท้จริงของกิจการนั้นๆ ซึ่งอดีตที่ผ่านมา D นับเป็นที่ 1 ในวงการมาโดยตลอด ความสามารถทำกำไรก็อยู่ในระดับสูงและมีโอกาสสูงขึ้นได้อีกหลังจากได้เงินระดมทุนไอพีโอมาช่วยเพิ่มจุดแข็ง ส่วนราคาบนกระดานหลังเข้าซื้อขายวันที่ 3 เมษายนนี้จะเร่าร้อนได้แค่ไหน ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนเท่านั้นจะเป็นผู้ตัดสิน
 
โดย ศิลปินหุ้น
    



 

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้