สัมภาษณ์พิเศษ: BKD ยั่งยืน
"นุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ " บอส BKD วางเป้าหมายได้ปี 59 เติบโต 20 % เน้นรับงานรัฐเป็นหลัก โดยมีแผนเข้าประมูลงาน มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท หวังได้งานราวกว่า 50 % และยังตุนงานในมือ กว่า1,700 ล้านบาท หวังรับรู้รายได้ในปีนี้ 1,000 ล้านบาทที่เหลือรับรู้ไปจนถึงกลางปี 60 แถมมีไม้เด็ดส่งลูกสาวสุดสวย "ณัฐนันท์ ประสงค์ชัยกุล" เข้าบริหารงานในบริษัทฯ ล่าสุดโชว์ผลงานช่วยบริษัทให้ผลประกอบการปี 58 ทำNew High เชิญติดตามได้เลยค่ะ
Q : ปีที่ผ่านมาผลประกอบการเป็นอย่างไรบ้าง
กำไร เราเยอะมาก ยอดขายเราก็โต ส่วนหนึ่งที่เราได้ดีเพราะเราเป็นบริษัทมหาชน ที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้ลูกค้าก็โทรมาหาเรา ก็จะเลือกรับงานที่ได้กำไรดีได้กำไรเร็ว ได้กำไรชัวร์ คือเราเคยตั้ง เป้าหมายไว้เรายังไงก็ต้องมีอัตรากำไรขั้นต้นไว้ 20 % แต่พอเรามีทางเลือกมากขึ้น เราก็มีอำนาจการต่อรอง แต่ถ้างานไหนอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า 20 % เราก็ยินดีมาก
Q : ปีที่ผ่านมาถือว่าเหนื่อยไหมเพราะเราทำให้ผลประกอบการNew Highได้
เราไม่เหนื่อยเลย เพราะว่าเขาเลือกเรา เขามาเชิญเราให้ไปรับงาน เหมือนอาทิตย์ก่อนมีโรงแรมมาติดต่อให้ไปรับงาน ให้ระยะเวลา 6 เดือน เราก็มานั่งพิจารณาว่าอยู่ในสิ่งที่เราวางแผนไว้ไหม คือต้องมีกำไรขั้นต้น 20 % พอเห็นว่าเป็นตามแผนเราก็ตกลงเลย โดยมูลค่างานประมาณ 200 ล้านบาท ถือเป็นข่าวดี แต่ตอนนี้เรามีมูลค่างานในมือหรือ Backlog จำนวน 1,700 ล้านบาท โดยจะรับรู้เป็นรายได้ไปถึงกลางปี 60 แต่งานในมือยังไม่รวม 200 ล้านบาทที่ได้ใหม่ ทุกครั้งที่เรานับมูลค่างานในมือนั้นจะต้องมีการเซ็นสัญญาก่อน อย่างชิบหมงที่ได้เรามา 5 เฟสมูลค่า 1 พันล้านบาท ตอนนี้รับรู้ไปได้เล็กน้อยเอง เรายังไม่ได้นับเป็นBacklog กว่า 900 ล้านบาท เพราะงานที่บ้านเขาค่อนข้างดีเลย ที่กัมพูชาแรงงานน้อย ถ้าเขามัดจำมาอีกเราก็จะนำมารวมใน backlog อีก
Q : งานของชิบหมงจะเข้ามาหมอเมื่อไหร่
ปีนี้อาจจะเข้ามาหมดในเฟสแรก แต่ว่า 5 เฟสจะเข้ามาอีก พอสมควร เพราะอย่างเฟสแรกก็ดีเลยมา 2 ปีเลยคงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะ
Q : นอกจากงานที่กัมพูชาแล้ว BKD มีแผนที่จะไปต่างประเทศอย่าง พม่า หรือเวียดนามไหม
พม่าเราต้องยอมรับว่าการแข่งขันสูงมากและพม่ายังมีระเบียบอีก 1 ข้อ คือว่าการที่เราเข้าไปรับงานเราต้องไปจดทะเบียนบริษัทฯ แล้วต้องเอาคนพม่ามาหุ้นกับเรา ซึ่งถือว่าเป็นความยากและอีกเรื่องคือประเทศจีนเข้าไปทำธุรกิจแล้ว เพราะฉะนั้นราคาแข่งขันไม่เป็นไปตามที่เราต้องการหรือคิดไว้ ถ้าแข่งกับจีนเป้าหมายที่เราได้ไม่รู้จะได้หรือเปล่า แต่อนาคตถ้ามีงานต่างประเทศที่ได้อัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 20 % เราก็จะทำ
Q : ในด้านแผนงาน ปี 59 BKD จะก้าวเดินอย่าไร
ถ้าดูจาก Backlog เรานั้น เราจะรับรู้แน่ 1 พันล้านบาทในปี 59 ไม่รวมที่เราจะไปประมูลใหม่ โดยเราจะมีการเข้าประมูลงานมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท เป็นทั้งงานรัฐบาลและงานเอกชน โดยเรามั่นใจว่าเราจะได้ประมาณ 50 % แน่นอน เพราะว่าภาพลักษณ์เราดีค่ะ
Q : ตลาดการตกแต่งปีนี้มีมูลค่าเท่าไหร่ได้มีการประเมินไหม
จริงๆประเมินยาก เพราะเราไม่รู้ว่าตึกไหนจะทำหรือไม่ทำ ทำให้หาตัวเลขไม่ได้ว่าเรามีมาร์เก็ตแชร์เท่าไหร่
Q :เราจะทราบได้อย่างไรว่าตึกไหนจะมีการรีโนเวท
คือจะมีบริษัทฯ กลางเป็นบริษัท คิว เอส คอนส์ จำกัด ที่ คำนวณราคาว่าจะต้องตกแต่เท่าไหร่ คือทุกคนหรือส่วนใหญ่ จะไปจ้างบริษัทฯนี้ว่าจะปรับปรุงจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ บริษัท คิว เอส ก็จะมีการเชิญบริษัทฯที่รับตกแต่งเข้าไปประมูล
Q :เห็นที่ผ่านมาเราจะทำอสังหาริมทรัพย์ด้วยและเซอร์วิซ อพาร์ทเม้น ตอนนี้คืบหน้าอย่างไรบ้าง
คือแผนการซื้อเซอร์วิซอพาร์ทเม้น เราชะลอเพราะผู้ขายเขามีปัญหา เราเลยหยุดค่ะ
Q : ตอนนี้เรามี แอสเซท อะไรไหม
ตอนนี้เรามีที่ดินอยู่ที่ถนนกรุงเทพกรีฑา ประมาณ 20 ไร่ ซึ่งต้นทุนในการซื้อที่ดินของเรานั้นประมาณ 80 กว่าล้านบาท แต่ปัจจุบันราคาซื้อขายที่ดินตรงนั้นอยู่ที่ประมาณ 700 กว่า ล้านบาท ตอนนี้เราคิดไว้สองทางว่าจะพัฒนาเป็นหมู่บ้านเองหรือจะขายที่ดินเป่าออกไป เลย ทั้งนี้ถนนเส้นนี้เป็นถนนเส้นใหม่ ต้องรอถนนสร้างเสร็จคือประมาณ 2 ปี โดยเราก็มั่นใจว่าแปลงนี้อนาคตมูลค่าจะเพิ่มเป็น 1 พันล้านบาท ถ้าขายได้ อาจจะมีการจ่ายปันผลพิเศษเลย
Q : ในปี 59 เรามีแผนจะลงทุนอะไรเพิ่มเติมไหม
ขณะ นี้ยังไม่มีแผนลงทุน เราพยายามที่จะรับงานให้มาก แม้คนจะมองว่างานองเราไม่ใช่งานที่เป็นรายได้ประจำ แต่เราถือว่างานของเราเป็นงานที่มีรายได้ประจำ เป็นงานที่มีรายได้ต่อเนื่อง โดยดูย้อนหลังก็จะเห็นว่าเรามีรายได้ต่อเนื่องเข้ามาตลอด โดยที่เราไม่ต้องไปรอว่าจะทำอะไรเพิ่ม เรามั่นใจว่าอาชีพเราจะมีรายได้ต่อเนื่องแน่นอนค่ะ
Q : ปีนี้เราตั้งเป้าว่ารายได้จะเติบโตอย่างไร
จริงๆ เราก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่ารายได้จะเติบโต 20 % แต่หากประกาศออกมาแล้วเกินก็ถือเป็นผลดี แต่ถ้าดูจากอดีตเราก็เติบโตได้เกิน และเราก็พยายามทำให้ได้เกินเป้าหมายมาตลอด
Q : ปีที่ผ่านมาเราเติบโตได้สูงมาก ส่งผลให้ปีนี้เรากังวลไหม
เราไม่กลัวเลยเพราะ Backlog ใน มือเรา มีมหาศาล สิ่งที่เรากลัวคือการทำงานจะทันไหม เขาจะส่งพื่นที่ทันไหม การที่งานล่าช้าอาจจะทำให้เราไม่สามารถรับรู้รายได้ด้วยเช่นกัน
Q : เรามีการเจรจากับพันธมิตรไหม
ใน ต่างประเทศไม่มี แต่ในไทยมี อย่างทีซีซีกรุ๊ป มีการตกแต่งตลอด เราก็อยากจะจับมือกับเขา เขาคิดว่าเขายอมจ้างเราเลย เพราะทางทีซีซีกรุ๊ปก็ได้ผลตอบแทนกลับ เขาก็เรียกเราเข้าไปรับงานเลย จริงๆก็มีการทำให้หลายที่แล้ว อย่างพลาซ่าเอสทีนี ทั้งห้องพัก เป็นต้น ตอนนี้ก็เป็นโฉมใหม่เลย ถ้าใครไปก็จะสังเกตเห็น
Q : มีตึกไหนอีกไปที่เป็นผลงานของเรา
ก็อย่างเช่นงานรัฐ ของโรงพยาบาลจุฬา ตึกภูมิสิ ก็ ทำจบแล้ว เราก็จะตามประมูลกับราชการไป เพราะราชการจะมั่นคงเรื่องจ่ายเงิน ช้าแต่ชัวร์ อย่างบางสถานการณ์เพื่อนที่รับตกแก่งด้วยกัน ไปรับงานบางโรงแรมเอกชนก็ไม่จ่ายเงินทำให้ต้องมีการฟ้องร้องกัน เราคิดว่าต้องรับงานราชการเป็นส่วนใหญ่
Q : ปัจจุบันสัดส่วนงานรัฐกับเอกชนเป็นอย่างไร
ก็งานรัฐประมาณ 70 % เอกชน 30 %
Q : แล้วปีนี้งานประมูลภาครัฐมีเยอะไหม
ปีนี้ที่เห็นๆ ก็มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท
Q : เรามีแผนไปซื้อกินการไหม
เรา ก็เคยคิดว่าจะอยากไปดึงบริษัทฯ เข้ามาร่วมกับเราแต่พอไปดูผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ ความสามารถในการทำกำไรยังไม่ดีเท่าไหร่ ก็เลยจะเติบโตเองดีกว่า เราขยายของเราเอง โดยปัจจุบันเรามีเอาท์ซอร์ซ กว่า 1 พันคน และมีพนักงานเองกว่า 200 คน แต่ เราก็ให้ใจพนักงานไม่ใช่แค่ง่ายแค่เงินดี อย่างตอนเราเข้าตลาดเราก็แบ่งหุ้นให้ลูกน้อง เพราะเขาก็จะเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทฯ เขาก็จะอยู่กัน