Today’s NEWS FEED

เวทีความคิด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดประชุมเฟดรอบ 1-2 พ.ค. 61 คงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.50-1.75%

8,784

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมรอบสามของปีนี้ ทั้งนี้ เฟดน่าจะยังรอประเมินพัฒนาการเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งพัฒนาการประเด็นความเสี่ยงด้านการค้าที่น่าจะมีความชัดเจนในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ก่อนที่จะมีการส่งสัญญาณถึงทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะต่อไป ขณะที่ พัฒนาการของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งอาจจะเปิดโอกาสให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวน่าจะส่งผลให้มีเงินทุนไหลออกจากไทย และช่วยให้ค่าเงินบาททยอยปรับอ่อนค่าลง ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามคงได้แก่ การประกาศแผนการบริหารหนี้สาธารณะของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 ที่อาจเป็นปัจจัยกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลให้มีโอกาสปรับสูงขึ้นได้


เฟดน่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมนโยบายการเงินรอบที่สามของปี 2561 เพื่อรอประเมินพัฒนาการทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตลอดจนความเสี่ยงจากประเด็นข้อพิพาทการค้า ทั้งนี้ ในรายงานเศรษฐกิจของเฟดเดือนเมษายน 2561 เฟดได้มีการระบุถึงความกังวลจากผลกระทบของมาตรการกีดดันการค้าที่อาจจะกระทบต่อภาพรวมของการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยผลของมาตรการกีดกันการค้าที่สหรัฐฯ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่มีการขึ้นภาษีการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างโดยรวมมีสัญญาณปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจต่างก็คาดการณ์ว่าราคาสินค้าดังกล่าวจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยภายใต้สถานการณ์ที่สหรัฐฯ มีความพยายามที่จะปรับลดการขาดดุลการค้ากับหลายๆ ประเทศ อาจส่งผลให้โอกาสที่สหรัฐฯ จะขยายการเก็บภาษีนำเข้าสินค้ารายการอื่นๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่อาจจะมีผลบังคับใช้ในปลายเดือนพฤษภาคม 2561 หากการเจรจาในการปรับลดการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนไม่ได้ข้อยุติ ซึ่งประเด็นดังกล่าว อาจจะส่งผลให้พัฒนาการของเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ อาจจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว อันคงเป็นปัจจัยที่เฟดคงจับตามองอย่างใกล้ชิด พัฒนาการของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งอาจจะเปิดโอกาสให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปีนี้


เครื่องชี้ในตลาดแรงงาน ยังคงบ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง โดยการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมีนาคม 2561 ปรับเพิ่มขึ้น 103,000 ขณะที่ค่าเฉลี่ยของการปรับขึ้น 3 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 202,000 อันสูงกว่าระดับการปรับเพิ่มขึ้นของการจ้างงานในระยะยาวของเฟดที่ 100,000 ตำแหน่งต่อเดือน ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ หากการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานนอกภาคการเกษตรยังคงเกิดขึ้นในขนาดปัจจุบัน อัตราการว่างงานสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีอาจจะไปอยู่ที่ระดับ 3.6-3.7% ขณะที่ค่าจ้างรายชั่วโมงมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวขึ้น อันคงจะเป็นปัจจัยหนุนการบริโภคให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และอาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะต่อไปได้


แรงกดดันเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีสัญญาณปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ ปรับเดือน มีนาคม 2561 อยู่ที่ระดับ 2.4% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ระดับ 2.2% ขณะที่คาดการณ์การเงินเฟ้อระยะยาวของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ที่ระดับ 2.17% อันเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี นอกจากนี้ ผลจากมาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ อาจจะเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติมให้แรงกดดันเงินเฟ้อมีมากขึ้นในระยะข้างหน้าจากการส่งผ่านต้นทุนของผู้ผลิต หากสหรัฐฯมีการขยายขอบเขตการใช้มาตรการดังกล่าวออกไป ทั้งนี้ ด้วยแนวโน้มที่แรงกดดันเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังคงมีทิศทางปรับเพิ่มขึ้น ยังคงสนับสนุนให้เฟดสามารถที่จะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในระยะข้างหน้า


ปัจจัยที่ต้องติดตามคงได้แก่ การประกาศแผนการบริหารหนี้สาธารณะของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 ที่อาจเป็นปัจจัยกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลให้มีโอกาสปรับสูงขึ้นได้ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ระดับ 3.0% โดยปรับตัวขึ้นประมาณ 0.7% จากช่วงต้นปี 2561 อันสะท้อนมุมมองที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสที่จะปรับขึ้นมากกว่า 3 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ดี ปัจจัยด้านอุปทานของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะทยอยปรับเพิ่มขึ้น อาจจะเป็นปัจจัยเพิ่มเติมที่ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นได้อีก อันอาจจะสร้างความผันผวนรอบใหม่ให้กับตลาดการเงิน ตลอดจน กดดันให้ต้นทุนทางการเงินทั่วโลกมีโอกาสที่จะทยอยปรับตัวขึ้นตาม ทั้งนี้ ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะมีการประกาศแผนการบริหารหนี้สาธารณะ หลังจากที่มาตรการปรับลดภาษีของสหรัฐฯ มีผลในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยหากปริมาณการออกพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กอปรกับ การเร่งจังหวะของการปรับลดขนาดงบดุลของเฟดจะปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 30 พันล้านดอลลาร์ฯ/เดือน ในปัจจุบัน เป็น 40 และ 50 พันล้านดอลลาร์ฯ/เดือนในไตรมาส 3/2561 และไตรมาส 4/2561 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 ใน 4 ของประมาณอุปทานในปัจจุบัน อาจจะส่งผลให้ตลาดมีการปรับตัวอีกครั้ง อันจะสร้างความผันผวนในตลาดการเงินรอบใหม่ได้


สำหรับผลต่อประเทศไทย ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยและสหรัฐฯ ที่กว้างขึ้นส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยอยู่ต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้มีเงินทุนบางส่วนไหลออกจากตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร และมีส่วนช่วยให้ค่าเงินบาททยอยปรับอ่อนค่าลง ทั้งนี้ ต้นทุนทางการเงินของไทยโดยเฉพาะการระดมทุนในตลาดทุนอาจจะมีต้นทุนที่ทยอยขยับเพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจัยที่อาจะสร้างความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายคงมีมากขึ้นในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในประเทศน่าจะยังสามารถทรงตัวในระดับปัจจุบัน ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่คงจะทรงตัวอีกระยะ และสภาพคล่องในประเทศที่อยู่ในระดับสูง สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม คงหนีไม่พ้นสถานการณ์ข้อพิพาทการค้าของสหรัฐฯ นอกเหนือจากการส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด และการประกาศแผนการบริหารหนี้สาธารณะของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 ที่อาจจะเป็นปัจจัยกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น ภาคธุรกิจจะต้องมีการวางแผนในการระดมเงินทุน หรือมีการปรับโครงสร้างของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ให้มีระยะเวลายาวนานขึ้น เพื่อล็อกต้นทุนทางการเงินในช่วงที่ต้นทุนในการระดมทุนยังคงอยู่ในระดับต่ำ

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

เกาะเส้นกราฟ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ นักลงทุน คงต้องเกาะเส้นกราฟ เทรดตามกรอบแนวรับ แนวต้าน....

SPREME โรดโชว์หาดใหญ่คึกคัก

SPREME โรดโชว์หาดใหญ่คึกคัก

ตัดสินใจ By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เชื่อว่า ความมั่นใจ ความเชื่อมั่น ของนักลงทุน ของรายย่อย ยังไม่กลับมา สะท้อนจากวอลุ่มซื้อขายหุ้น ดังนั้น ...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้