Special Report: ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวได้ถึงไหนจากวิกฤติหนี้ยุโรป? - Part I
บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป รายงานว่า วิกฤติหนี้ของยุโรปในรอบนี้เป็นที่น่ากังวลค่อนข้างมากจากโอกาสการลุกลามของปัญหาไปจนเกิดวิกฤติทางการเงินในยุโรป และสหรัฐอีกระลอก โดยได้กดดันดัชนี MSCI World index ดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ15 เดือน ขณะที่ SETI ของไทยดิ่งลงจากระดับสูงสุดของปีแถว 1,140 จุด มาแถว 850 จุด หรือกว่า 25%ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน แม้การอ่อนตัวลงเร็วจะทำให้ตลาดเริ่มเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป และมีโอกาสจะเห็นการรีบาวด์ในระยะสั้นได้แถว 850 จุด หรือ 800 จุด แต่ไม่อาจทำให้แนวโน้มตลาดเปลี่ยนจากขาลงไปได้ จนกว่าจะเห็นการคลี่คลายของปัญหาจากทางยุโรปเสียก่อน ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาอีกยาวนานกว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดได้
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมในระยะสั้นยังเน้นไปทางการถือเงินสดให้มากที่สุด เพื่อรอสะสมหุ้นสำหรับการลงทุนในระยะกลางขึ้นไป แต่ย่อมจะเกิดคำถามใหญ่ขึ้นในใจตามมาทันทีว่า "แล้วจะรับหุ้นตรงดัชนีที่เท่าไหร่ถึงจะดี???"
กรณีเทียบกับค่าเฉลี่ย P/E ระยะยาว
จากสถิติการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในอดีต พบว่าค่าเฉลี่ย 19 ปี P/E* อยู่ที่ 9.48 เท่า จากระดับP/E ณ สิ้นไตรมาส 3/54 ที่ 12.1 เท่า หาก SETI จะอ่อนตัวลงไปที่ระดับค่าเฉลี่ยแล้ว ดัชนีอาจลงไปได้ถึงระดับประมาณ 720 จุด
กรณีเทียบกับการดิ่งลงในรอบวิกฤติ Lehman Brothers
หากที่เทียบการอ่อนตัวของดัชนีในช่วงการวิกฤติ Lehman Brothers จะพบว่า SETI อ่อนตัวจากระดับประมาณ 900 จุด ที่ P/E เกือบ 12 เท่า ในช่วงต้นไตรมาส 4 ปี 50 สู่จุดต่ำสุดของรอบในระยะเวลาเพียงประมาณ 1 ปี สู่ระดับ 400 จุด ที่ P/E 5.3 เท่า คิดเป็นการดิ่งลงของระดับ P/E ประมาณ55% ซึ่งหากเทียบเคียง % การอ่อนตัวลงของ P/E ในสัดส่วนเดียวกัน ในรอบนี้ SETI เริ่มดิ่งลงจากวิกฤติหนี้ยุโรปในช่วงต้นเดือน ส.ค. ปี 54 ที่ดัชนีแถว 1140 จุด ณ ระดับ P/E เกือบ 15 เท่า การอ่อนตัวของ P/E ลงประมาณ 55% จะทำให้ดัชนีอ่อนตัวลงได้ถึงประมาณ 500 จุด ณ ระดับ P/E ที่6.6 เท่า
คำถามต่อเนื่องจากข้างต้นที่มีเข้ามามากคือ SETI จะลงลึกถึงเพียงนั้นได้เชียวหรือ ก็ต้องตอบว่าขึ้นอยู่กับพัฒนาการของปัญหาวิกฤติหนี้ยุโรป และการหาทางออกในการแก้ไขปัญหา ซึ่งในกรณีที่เลวร้าย คือ เกิดการล้มละลายของธนาคารในยุโรปเป็นลูกโซ่ลุกลาม มายังธนาคารในสหรัฐและที่อื่นๆ ก็มีความเป็นไปได้ที่ SET จะอ่อนตัวลงสู่ระดับ 700-500 จุด จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเริ่มกลับมาสะสมหุ้น ไทยหลังวิกฤติ Lehman Brothers ในช่วงต้นปี 52 รวมกันกว่า 1.5แสนล้านบาท ก่อนจะมีการเทขาย จากความตื่นตระหนกในปัญหาหนี้ของยุโรปในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมากว่า 6 หมื่นล้านบาท ก็อาจ ตีความได้ว่าหากสถานการณ์เลวร้ายลง ต่างชาติยังมีหุ้นในมือรอขายได้เกือบ 9 หมื่นล้านบาท ทีเดียว
สัญญาณทางเทคนิค
แนวรับแรกอยู่บริเวณ 867-850 จุด หากแนวรับทาง Momentum เอาไม่อยู่ราคาจะปรับตัวลงต่อ
กรณีดีดตัวให้จับตามองแนวต้านหลักที่บริเวณ 950 จุดเป็นหลัก ถ้า SET ฟื้นก็คิดว่าคงแกว่งอยู่ในกรอบนี้ ก่อนเพื่อฟอร์มตัวซักระยะเพื่อทะลุไป 1000 จุด (เกิดยาก)
กรณีต่ำกว่า 850 จุด SET จะปรับตัวลดลงไปบริเวณ 830 ซึ่งเป็น Fibonacci 50.00% และ 800จุด ซึ่งเป็นเลขทางจิตวิทยา และ Fibonacci 38.20% ตามลำดับ ถ้ายังลงไปต่อให้ดู แนวรับ 700จุด ซึ่งเป็นจุดเบรกขาขึ้นรอบก่อนหน้า
กรณีหากดัชนีหลุดต่ำกว่า 750 จุด ให้มองแนวรับถัดไปที่บริเวณ 600 จุด ซึ่งเป็นแนวรับทางจิตวิทยาแต่หากยังลงต่อแนวรับสุดท้ายคือประมาณ 500 จุด เป็น Long-term Support Line ซึ่งคาดว่าถ้าลงถึงน่าจะมีแรงซื้อเข้ามายันเอาไว้ไม่ให้หลุด
กล่าวโดยสรุป คือ วิกฤติการเงินของยุโรปในรอบนี้ ทางฝ่ายมอง SETI อาจอ่อนตัวลงลึก และเลวร้ายที่สุดได้ถึง 700 และ 500 จุด ตามลำดับ แต่ในระหว่างทางอาจมีรีบาวด์สลับแถวระดับจิตวิทยาสำคัญและการเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไปในบางช่วงแถว 850 และ 800 จุด ได้
ดังนั้น การทยอยสะสมหุ้นในระยะกลางขึ้นไป สามารถทำได้ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปแถว 850,800, 700 และเต็มที่ที่ 500 จุด ทั้งนี้ ในระหว่างทางควรจะมีการติดตาม ความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาหนี้ของยุโรป และภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอย่างใกล้ชิดเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจกำหนดสัดส่วนการลงทุนด้วย
โปรดติดตาม Special Report: ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวได้ถึงไหนจากวิกฤติหนี้ยุโรป? - Part IIตอนหุ้นเด่นที่น่าเข้าสะสม
แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....
FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น
NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68