วันที่ 8 สิงหาคม 2562 พบกับเจ๊มดแดงได้ที่  www.hooninside.com (Line : @hooninside) รู้ลึกรู้จริงคลุกวงในหุ้นสไตล์กล้วยๆ

          เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง มองตัวเลขเศรษฐกิจ ส่งออก นำเข้า ปีนี้ ยังไม่ออก ด้วยตัวแปรใหญ่ระดับโลกอย่าง สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ยังไม่นิ่ง... การประชุม Jackson Hole Economic Policy Symposium 22-24 ส.ค. และการประชุม G7 วันที่ 24-26 ส.ค. ล้วนมีผลกระทบต่อการเงิน การค้า การขาย

          ตลอดทั้งเดือนสิงหา ตลาดหุ้น แกว่งตัวรุนแรง ไม่นิ่ง แบบทั่วทั้งโลก ดังนั้น เจ๊มดแดง ขอคิดคนเดียว เล่นหุ้น ต้องจบในวันเดียว กำไรแล้ว ก็ต้องพอใจ ขาดทุนอาจต้องยอมคัท ถ้าเห็นท่าไม่ดี  ยิ่งผู้เล่นใหญ่  ป๋าดัน อย่าง ต่างชาติ ตอนนี้ ก็ถอยจากSET แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ ก็ลุยต่อเนื่อง

          วานนี้ บอร์ด กนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.75% เหลือ 1.5% เรียกว่า สร้างความประหลาดใจกับทั้งตลาด แต่สำหรับทั่นภากร ปีตธวัชชัย เอ็มดี ตลท.  มองว่าไม่เป็นเรื่องที่น่าตกใจ เนื่องจากถือว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นมาตรการทางการเงินอย่างหนึ่งของคณะกรรมการนโยบายการเงิน และเป็นไปตามกระแสของธนาคารกลางโลกที่มีการปรับลดดอกเบี้ยลง

          BAY มีความเห็นต่อผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่สร้างความประหลาดใจให้ตลาดด้วยการลงมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาที่ 1.50% เป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2558 ส่งผลให้เงินบาทอ่อนลงค่าอย่างรวดเร็วแตะระดับ 30.90 ต่อดอลลาร์ ก่อนที่กลับมาซื้อขายแถว 30.80 อ่อนค่าจากระดับที่ซื้อขายก่อนหน้านี้เพียงเล็กน้อย นับตั้งแต่ต้นปี เงินบาทยังคงแข็งค่ามากกว่า 5% และเป็นสกุลเงินที่แข็งค่ามากกว่าสกุลอื่นๆ ในเอเชีย

          กูรูทิสโก้ชี้ กนง.ลดอัตราดอกเบี้ยเซอร์ไพร์ตลาด คาดทั้งปีคงไว้ที่ 1.50% เพราะได้สะท้อนการปรับลดจีดีพีไปแล้ว และเศรษฐกิจไทยยังไม่แย่เท่ากับภาวะวิกฤตซับไพร์ม

          ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ตัวแปรที่จะต้องติดตามสำหรับการดำเนินนโยบายของไทยในระยะข้างหน้า น่าจะอยู่ที่ 2 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ 1) ความรวดเร็วของกลไกการส่งผ่านนโยบายการเงิน ซึ่งจะรวมถึงขนาดของการปรับลดดอกเบี้ยของสถาบันการเงินและอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ ตลอดจนการตอบสนองของระบบเศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ ต่อการปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้ และ 2) ความไม่แน่นอนของปัจจัยลบ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในสภาวะไม่ปกติในระยะข้างหน้า อาทิ ความตึงเครียดของสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ความไม่แน่นอนเชิงนโยบายระหว่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงสถานการณ์ภายในประเทศ โดยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย  

          จากถ้อยแถลงหลังการประชุมของกนง. ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า กนง. ให้น้ำหนักของการตัดสินใจการดำเนินนโยบายการเงินไปที่ปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามากระทบต่อเศรษฐกิจไทย ดังนั้น ในช่วงข้างหน้า ตลาดเงินตลาดทุนคงรอติดตามว่า กนง. จะประเมินปัจจัยลบและผลต่อภาวะเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าอย่างไร และสถานการณ์เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือไม่ เพราะมุมมองดังกล่าวจะมีผลต่อการคาดการณ์ของตลาดต่อการกำหนดจุดยืน/ท่าทีของนโยบายการเงินในช่วงต่อไปด้วยเช่นกัน

          ขณะที่บจ.ชักแถว จ่อคิวประกาศผลประกอบการไตรมาส2ปีนี้ ออกมาเนืองแน่น ชวนติดตาม อย่างใกล้ชิดค่ะ

          วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,669.44 จุด ลดลง 2.04 จุด หรือ 0.12% มูลค่าการซื้อขาย 84,465.14 ล้านบาท สรุปสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 4,582.32 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,002.88 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 3,604.76 ล้านบาท  นักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 25.33 ล้านบาท

          TKN แรงขายทะลัก ไหลมาไม่ขาดสาย  ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงไป 7.35%เจ๊มดแดง ตรวจจับชีพจร สงสัย ผลงานเถ้าแก่น้อย ไตรมาส2ปีนี้ออกมา ชวนดูไม่จืด สยองกันทั้งตลาดหรือเปล่า...เอาน่า ใจเย็นๆ ของจริงออกมา ก็เห็นกันเอง

          วานนี้ ราคาหุ้น BEM ยืนที่ 11.10 บาท บวก 70 สตางค์ แรง 6.73% ขณะที่ผู้เชี่ยวพื้นฐานอย่างเคจีไอให้เป้า 11.10 บาท ทิสโก้ ให้ 11.40 บาท ดังนั้น ก็ควรระมัด ระวัง ใครคนถือหุ้น BEM คงมีความสุขบนตัวเลขทางบัญชี พอร์ตตัวเลขมหาศาล  ทั้งที่ความจริง กำไรยังอยู่ในอวกาศ ขายแล้ว ได้เงินเข้าบัญชีแบงก์ นั่นคือ ความสุข ความสำเร็จแท้จริง...คร้า

          DOHOME พีอี 32.31 เท่า GLOBAL 33.76 เท่า HMPRO 37.93 เท่า นับว่า ห่างชั้นกันไม่มากนัก ส่วนใครจะใจถึง สม่ำเสมอ ก็ต้องพิสูจน์ตรงเงินปันผล ว่า ใครให้ผลตอบแทน ดีกว่าฝากเงิน ขนาดไหนคร้า

          บอร์ด PSTC ตัดสินใจ ออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ แลกกับหุ้น 49% ของ บริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จํากัด ("BIGGAS”)(ปัจจุบันถือ51%) ส่งผลให้ PSTC จะถือหุ้นBIGGAS ทั้งหมด100%  คงจะประมาณไตรมาส4ปีนี้ วานนี้ ราคาหุ้นPSTC บวก 2.86%

          เกจิหุ้น CNS  มุมมอง Positive ในระยะยาว จาก PSTC เข้าซื้อ BIGGAS ด้วยวิธีการแลกหุ้น (Share Swap) โดยออกหุ้น PP ใหม่ จำนวน 4.98 พันล้านหุ้น ที่ราคา 0.86 บาทต่อหุ้น แลกกับ การรับโอนกิจการส่วนที่เหลืออีก 49% ของ BIGGAS เข้ามา ทำให้ PSTC (หลังโอนแล้วเสร็จ) จะถือหุ้นใน BIGGAS 100% และท่อน้ำมัน TPN 94% ตามลำดับ

          PSTC ได้อะไรบ้างจากดีลนี้? บริษัทออกหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะใหม่ มูลค่า 4.26 พันลบ. ที่ราคา 0.86 บาท โดยการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ PSTC จะได้รับมูลค่าสินทรัพย์ i) ท่อน้ำมัน TPN ซึ่งเราประเมินมูลค่าอยุ่ที่ 8.99 พันลบ. บนสมมติฐานอายุโครงการ 30 ปี, อัตราการใช้น้ำมัน 4 พันล้านลิตรต่อปี (Total 6 พันล้านลิตร), WACC 7.5%, และขึ้นค่าบริการผ่านท่อน้ำมันปีละ +1.5% ตามลำดับ อยู่ในกรอบที่ใกล้เคียงกับ IFA ประเมิน 8.03-9.68 พันลบ.

          ดังนั้น หากคิดบนมูลค่าที่ BIGGAS ถือหุ้นใน TPN 46% จะเท่ากับมูลค่าทรัพย์สิน 4.41 พันลบ. ทันที ii) เราประเมินกำไรส่วนเพิ่มจากเพิ่มสัดส่วน 49% ใน BIGGAS อยู่ที่ 39.5 ลบ. (คาดกำไร BIGGAS 2019/20F 80.6/123.6 ลบ) จะทำให้กำไรสุทธิปี 2019F เพิ่มขึ้นเฉลี่ย +23% ถึง +25% แต่จำนวนหุ้นเพิ่มทุนใหม่มีปริมาณ +42% สูงกว่าส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้นมา ส่งผลให้ EPS19F-21F ลดลง -27% ถึง -29%

          ช่วงนี้ “เอกรัตน์ แจ้งอยู่” ซีอีโอหนุ่มแห่ง บมจ.เธียรสุรัตน์  หรือ TSR  และทีมงาน กำลังฟิตจัด  กับการปลุกปั้น “ผ่อนสบาย” ให้ติดตลาด  เรียกว่า ถ้าแวะไปทักทายในโซเชียลอย่างเฟซบุ๊ค จะเห็นมีผู้คนตามฟอลโล่กันเป็นแสนๆ ..แถม ทุกท่านยังจะได้พบกับศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าบริการแบบผ่อนสบาย หลากหลายแบรนด์ดัง มารวมตัวกันอยู่ที่นี่... ภายใต้คอนเซ็ปต์ ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสาร ไม่ต้องกังวลเรื่องอาชีพหรือคนค้ำ เอาเป็นว่า แค่พกความตั้งใจมา ทางทีมงานเค้าพร้อมให้คำปรึกษาฟรี!!!! แหม..ปูทางวางแผนการตลาดมาได้ดีแบบนี้ ไม่นานเกินรอคงติดตลาดแน่นอนค่า

          เจ๊มดแดง มีข่าวมาบอกจร้า.... บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ  ร่วมส่งความสุขในช่วงเทศกาลวันแม่ ด้วยโปรโมชั่น “รักแม่… ให้สิ่งที่ดีที่สุด” เพียงซื้อสมาร์ทโฟนในร้าน AIS Shop หรือ  AIS/Telewiz Shop หรือ TWZ Shop  ในเครือ TWZ ลุ้นรับคูปองส่วนลดสูงสุด 30% สำหรับซื้ออุปกรณ์มือถือหรือ gadget ตลอดเดือนสิงหาคมนี้

                    ***การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน***