บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ซื้อหุ้นพอร์ตบ้านแนวราบคืนจากTMW Ananda GmbH กองทุนอสังหาริมทรัพย์ บริหารโดย Pramerica Real Estate Investors

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อหุ้นที่เหลือจำนวน 48.3% ในธุรกิจที่อยู่อาศัยแนวราบ “ADO” จากพันธมิตรผู้ร่วมทุน TMW Ananda GmbH กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่บริหารโดย Pramerica Real Estate Investors ตามที่ได้เปิดเผยไว้ก่อนหน้านี้ในหนังสือชี้ชวนของบริษัทเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2555

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทยินดีที่ได้เข้าซื้อ ADO โดยเสร็จสมบูรณ์ นับเป็นก้าวย่างสำคัญของบริษัทในธุรกิจที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งมีสินค้าอยู่บนทำเลศักยภาพ ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ และเมกะ บางนา ช้อปปิ้งมอลล์แห่งใหม่ และเป็นที่ตั้งของ IKEA ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ ได้เสริมศักยภาพของบริษัทในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่แข่งขันได้ ในเชิงกลยุทธ์ ADO จะเสริมศักยภาพอนันดาฯ ในการกระจายแหล่งรายได้ พร้อมกับกำหนดตำแหน่งของบริษัท ในการขยายการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยจากแนวโครงข่ายระบบขนส่งมวลชน สู่ทำเลใกล้เมืองและย่านพักอาศัยหนาแน่นน้อยในอนาคต”

การเข้าซื้อหุ้น ADO ธุรกิจที่อยู่อาศัยแนวราบได้เสร็จสมบูรณ์ ภายใต้ข้อตกลงและเงื่อนไขเดียวกันกับข้อตกลงและเงื่อนไขที่ได้เปิดเผยไว้ ก่อนหน้านี้ในหนังสือชี้ชวนของบริษัท โดยเป็นการเข้าซื้อหุ้นในราคารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท กำหนดการชำระแบ่งเป็น 4 งวดเท่าๆ กัน งวดละ 250 ล้านบาท กำหนดชำระครั้งสุดท้ายในวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ซึ่งคิดเป็นราคา ณ มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value) ที่ประมาณ 930 ล้านบาท โดยราคาที่ได้ทำการตกลงคิดเป็นอัตราส่วนลดประมาณ 40% ของมูลค่าที่เหลือของสินทรัพย์ (Residual Asset Value) ซึ่งได้รับการประเมินราคาโดยผู้ประเมินอิสระที่มูลค่าประมาณ 1,415 ล้านบาท และเป็นส่วนลดหลักของมูลค่าตามบัญชี (Book Value) ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท
โครงการภายใต้การพัฒนาของ ADO จะมีการเปิดตัวใหม่ในไตรมาสแรกของปี 2556 และมีกำหนดส่งมอบโครงการให้ลูกค้าในไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป โดย 7 โครงการที่มีอยู่ในพอร์ต มีมูลค่ายอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 7,300ล้านบาท คาดว่าในปี 2556 จะสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 3,300 ล้านบาท และมียอดโอนประมาณ 2,500 ล้านบาท ส่วนสินค้าที่เหลือคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายและยอดโอนเพื่อรับรู้รายได้ใน ปี 2557 – 2559

การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้จะใช้เงินลงทุนส่วนหนึ่งจากเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญ ของบริษัทเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา