
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (13 ธันวาคม 2561)
SIMAT เฮ ชนะประมูลโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) เสนอราคาต่ำสุด 2.24 พันลบ. ด้าน "นรัตถ์ สาระมาน" หัวเรือใหญ่ SIMAT คาด พลิกโฉมธุรกิจครั้งใหญ่
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ออกประกาศผู้ชนะการเสนอราคา ประกวดราคาจ้างโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) กลุ่มที่ ๔ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
ตามประกาศสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติ เรื่อง ประกวดราคาจ้างโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) กลุ่มที่ ๔ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) และเอกสารประกวดราคาจ้างด้วยวิธี ประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) เลขที่ ๗๖/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๑ นั้น
การจ้างโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) กลุ่มที่ ๔ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒ ผู้เสนอราคาที่ชนะการเสนอราคา ได้แก่ บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จํากัด (มหาชน) โดยเสนอราคาต่ำสุด เป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๒๔๘,000,000.00 บาท (สองพันสองร้อยสี่สิบแปดล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็น ราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ค่าขนส่ง ค่าจดทะเบียน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งปวงไว้แล้ว
ขณะที่ก่อนหน้านนี้ นายนรัตถ์ สาระมาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (SIMAT) เปิดเผยถึง การประมูลงานโครงการจัดให้มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) หรือที่เรียกกันว่า โครงการ NET ห่างไกล Zone C โดยมีทั้งหมด 8 สัญญา มูลค่าสัญญาละประมาณมากกว่า 2 พันล้านบาท หากบริษัทฯ ได้รับงานดังกล่าวจำนวน 1-2 สัญญา จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ขณะที่ ผลประกอบการในไตรมาส 3/2561 ของบริษัทฯ มีรายได้จำนวน 562.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189.12 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 50.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 373.68 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่) 1.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.89 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 115.52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 6.83 ล้านบาท
"ภาพรวมผลประกอบการในไตรมาส 3 ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีกำไรจากธุรกิจใหม่ซึ่งเพิ่งซื้อกิจการมา โดยรับรู้กำไรจำนวน 15.92 ล้านบาท ซึ่งบริษัทถือหุ้นจำนวน 70% จึงรับรู้กำไรเข้าบริษัทใหญ่จำนวน 11.14 ล้านบาท ซึ่งปกติธุรกิจนี้มียอดขายมากกว่า 300 ล้านบาทต่อปี และมีกำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิในระดับที่น่าพอใจ ประกอบกับผลประกอบการของธุรกิจของบริษัทย่อยในประเทศมาเลเซียปรับตัวดีขึ้นจากยอดขายส่งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้แก่กระทรวงศึกษาธิการมาเลเซีย ส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง" นายนรัตถ์ กล่าว
SIMAT