ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

HotNews: COL ครึ่งปีหลังเข้าไฮซีซั่น คงเป้ารายได้ปีนี้ โต10% -IHL ปักหมุดรายได้ปี 62 แตะ 4 พันลบ. จากปีนี้ลุ้นไม่ต่ำกว่า 2 พันลบ.

6 ก.ย. 2560 17:31:46 797

HotNews: COL ครึ่งปีหลังเข้าไฮซีซั่น คงเป้ารายได้ปีนี้ โต10%

-IHL ปักหมุดรายได้ปี 62 แตะ 4 พันลบ. จากปีนี้ลุ้นไม่ต่ำกว่า 2 พันลบ.

แมกกาซีนหุ้นอินไซด์( 7 กันยายน 2560)---------COL คาดผลงานครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก เข้าช่วงไฮซีซั่น -มีบุ๊คกำไรพิเศษเล็งลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่ช่วยหนุนธุรกิจหลัก คาดคลังสินค้าแห่งใหม่แล้วเสร็จปี 61 คาดถึงจุดคุ้มทุนใน5ปี มีแผนส่งบ.ย่อย "เมพ คอร์ปอเรชั่น" เข้าตลาดหุ้นภายใน 3-4 ปีข้างหน้า

IHL คาดปีนี้กำไรสุทธิปีนี้ทำนิวไฮ หลังธุรกิจบริการโตต่อเนื่อง คาดอัตรากำไรสุทธิปีนี้ ไม่ต่ำกว่า13% เหตุเน้นคุมต้นทุนพร้อมคาดรายได้ปี 62 แตะ 4 พันลบ. จากปีนี้มั่นใจโต 10-15% หรือไม่ต่ำกว่า 2 พันลบ.

นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) หรือ COL เปิดเผยว่าคาดผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้อยู่ที่มีรายได้ 6.11 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 228 ล้านบาท โดยยังคงเป้ารายได้ในปีนี้เติบโต10% จากปีก่อนที่ทำได้ 1.17หมื่นล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ บริษัทจึงจัดแคมเปญและทำโปรโมชั่นเพื่อตอบรับกับในช่วงดังกล่าวและเพื่อกระตุ้นยอดขาย ประกอบกับล่าสุดบริษัทได้มีการเปิดตัวบริการส่งพัสดุด่วนภายในร้าน OfficeMate โดยเป็นการร่วมมือระหว่างบริษัทฯและ Kerry Express เพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มผู้ประกอบการออนไลน์และ SMEs ภายในห้างสรรพสินค้าหรือบริเวณใกล้เคียง ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ออฟฟิศเมทได้รับจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ Kerry Express แต่ไม่เคยใช้บริการออฟฟิศเมทเข้ามาด้วย โดยตั้งเป้าเปิดบริการส่งพัสดุภายในสาขาออฟฟิศเมททั้งหมด 37 สาขาภายในปีนี้ และขยายเป็น 80 สาขาภายในปี 61 จากปัจจุบันที่เปิดให้บริการอยู่ทั้งหมด 11 สาขา ในกรุงเทพและปริมณฑล

สำหรับร้านออฟฟิศเมท(OfficeMate)บริษัทได้เตรียมขยายสาขาในปีนี้ทั้งหมด 8 แห่งและปิดทั้งหมด 2 สาขา ซึ่งคาดว่า ณ สิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งหมด 70 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 64 สาขา พร้อมกันนี้ตั้งเป้าขยายสาขา B2Sทั้งหมดเป็น 107 สาขา จากปีก่อนที่ 101 สาขา

นอกจากนี้บริษัทจะมีการบันทึกกำไรพิเศษเข้ามาในช่วงไตรมาส 3/60 จากการขายหุ้นบริษัท เซ็นเนอร์จี อินโนเวชั่น จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจเซ็นทรัลออนไลน์ ส่งผลให้บริษัทไม่ได้รับผลขาดทุนจากบริษัทดังกล่าวเข้ามาอีก โดยปกติจะมีผลขาดทุนจากธุรกิจออนไลน์ราวไตรมาสละ 40 - 50 ล้านบาท

พร้อมกันนี้บริษัทยังมองหาโอกาสทั้งในเข้าซื้อกิจการและเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยมีความสนใจในกลุ่มเทคโนโลยี เพื่อนำมาสนับสนุนการเติบโตของทั้งธุรกิจหลักและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในบริษัทฯ ซึ่งปัจจุบันได้มีการเจรจราอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ในเบื้องต้นคาดว่าจะยังไม่เห็นความชัดเจนได้ในปีนี้ อย่างไรก็ตามบริษัทเตรียมงบลงทุนไว้บางส่วนแล้วเพื่อรองรับการลงทุนดังกล่าว

ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าคลังสินค้าในจังหวัดฉะเชิงเทราขนาด 2 หมื่นตารางเมตร จะแล้วเสร็จและสามารถเปิดดำเนินงานได้ภายในช่วงกลางปี 61 โดยใช้งบในการลงทุนราว 1 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทยังคาดอีกว่าคลังสินค้าดังกล่าวจะเข้าสู่จุดคุ้มทุน(Breakeven)ได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า สำหรับการให้บริการโดยเบื้องต้นจะเน้นให้บริการโลจิสติกส์แก่ ออฟฟิศเมท และในเครือเซ็นทรัลก่อนที่จะเริ่มให้บริการแก่ผู้ประกอบการภายนอก ประกอบกับในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่อย่างการเข้าไปรับจ้างบริหารสต็อคสินค้า การรับฝากสินค้าให้แก่ผู้ประกอบต่างๆ และขายแฟรนไชส์ร้านออฟฟิศเมท (OfficeMate)และB2S ก็จะทำให้บริษัทฯมีศักยภาพในการลำเรียงสินค้าได้ดีขึ้นจากการคลังสินค้าดังกล่าวและส่งผลให้ผลประกอบการเติบโตได้อย่างมีความเสถียรภาพ

นอกจากนี้บริษัทยังแผนที่จะนำบริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MEB ซึ่งเป็นผู้ให้บริการร้านหนังสือออนไลน์(E-Book)เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า เนื่องจากบริษัทคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้คาดว่ารายได้ของบริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MEB จะทำได้มากว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 360 ล้านบาทโดยประเมินว่าจะทำได้ถึง 400 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 230 ล้านบาท ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทดังกล่าวอยู่ระหว่างการหาที่ปรึกษาการเงิน หรือ Financial Advisor (FA)

นายวศิน ดำรงสกุลวงษ์ กรรมการ บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน)หรือ IHL เปิดเผยว่าคาดภาพรวมกำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติใหม่สูงสุด(New High) เนื่องจากธุรกิจบริการที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรายได้จากการบริการไม่มีความผันผวนส่งผลให้มีอัตราการทำกำไรได้ดี ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจบริการอยู่ที่ 47-50%

สำหรับธุรกิจผลิตและจำหน่ายหนังสำหรับเบาะรถยนต์ ให้กับค่ายผลิตรถยนต์ต่างๆ ในประเทศไทยและส่งออกภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ค่อนข้างชะลอตัว จึงมีผลกระทบต่อออเดอร์ที่ลดน้อยลง แต่บริษัทได้งานเซอร์วิสเข้ามา จึงส่งผลให้สามารถทดแทนออเดอร์เบาะรถยนต์ที่ลดน้อยลงได้

อย่างไรตามบริษัทจะยังพยายามรักษาสัดส่วนรายได้ของ 2 ธุรกิจให้อยู่ที่สัดส่วนละ 50% เพื่อไม่ให้เป็นการพึ่งพารายได้จากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งมากเกินไป

ขณะเดียวกันบริษัทยังคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 13% จากปีก่อนที่ทำได้ 9.77% เนื่องจากบริษัทมีการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบได้ดีและบริหารจัดการต้นทุนได้ดียิ่ง ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทสามารถทำได้อยู่ที่ 13.37%

พร้อมกันนี้บริษัทคาดรายได้ในปี 62 จะอยู่ที่ 4 พันล้านบาท ตามกำลังการผลิตที่ประเมินว่าในปีดังกล่าวจะอยู่ที่ 5 ล้านตัว/ปี เนื่องจากบริษัทมีที่จะแผนเพิ่มกำลังการผลิตจากปัจจุบันฟอกหนัง 1 ล้านตัวต่อปี ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มดำเนินเพิ่มกำลังการผลิตไปบ้างแล้วการก่อสร้างจะแบ่งเป็น 4 เฟส เฟสละ 1 ล้านตัวต่อปี ทำให้บริษัทมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นจากออเดอร์สั่งซื้อสินค้าที่เข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ในปีนี้ บริษัทมั่นใจรายได้จะเติบโตเพิ่ม 10-15% หรือจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 1.95 พันล้านบาท โดยในช่วงครึ่งหลังปีนี้ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรก จากการทยอยรับรู้รายได้จากการรับจ้างการผลิตหนังให้กับบริษัท Global Leather Intelligence (HK) Limited หรือ GLI มูลค่าราว 700 ล้านบาทต่อปี ระยะเวลา 2 ปี ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป ที่จะเข้ามาผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้

นอกจากนี้บริษัทยังมีเจรจรากับลูกค้าใหม่ในต่างประเทศเพิ่อขยายตลาดไปยังอุตสาหกรรมรองเท้ามากขึ้น จากมีความต้องการในปัจจุบันที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับบริษัทไม่มีการลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติมเนื่องจากเครื่องจักรในปัจจุบันสามารถใช้ในการทำผลิตภัณฑ์ขายสินค้าฟอกหนังดังกล่าวได้