Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ราคาทุเรียนสดไทยในปี 2569 ยังไม่ฟื้นตัว คาดว่าจะลดลง 2.7%

122

 สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(26 ธันวาคม 2568)-----------ในปี 2569 คาดว่าราคาทุเรียนสดไทยจะลดลง 2.7% ไปอยู่ที่ 90 บาทต่อกก. เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากแรงกดดันด้านการแข่งขัน รวมถึงมาตรฐานนำเข้าที่เข้มงวดของจีน และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

• แม้ไทยยังครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในจีน แต่เวียดนามมาแรงจากความได้เปรียบด้านต้นทุนต่ำและระยะขนส่งที่ใกล้กว่า ซึ่งอาจกดดันให้มูลค่าส่งออกทุเรียนสดไทยในปี 2569 ลดลง 1.8%


• ตลาดทุเรียนสดที่มีศักยภาพของไทยอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ยูนนาน และเจ้อเจียง ขณะที่กว่างซีจ้วง ไทยอาจเสียเปรียบเวียดนาม ส่วนเสฉวน เป็นตลาดที่น่าสนใจและยังมีโอกาสขยายการส่งออกได้มาก

ปี 2568 ราคาทุเรียนสดไทยต่ำกว่า 100 บาทต่อกก.
เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

ปี 2568 ราคาทุเรียนสด ไทยลดลงถึง 16% ไปอยู่ที่ 92.5 บาทต่อกก. ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีก่อนหน้าที่มีราคาสูงถึง 108.7 บาทต่อกก. ซึ่งเติบโตเฉลี่ย 6.4% ต่อปี โดยสาเหตุหลักที่ฉุดราคามาจากผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 23.2% ไปแตะ 1.59 ล้านตัน สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ที่อยู่ที่ 1.31 ล้านตัน จากสภาพอากาศเอื้อต่อการผลิตเพราะปรากฏการณ์ลานีญา ส่งผลให้รายได้เกษตรกรโต 3.5% ขณะที่การส่งออกทุเรียนสดไทยอาจโตเพียง 0.5% ไปอยู่ที่ 3,773 ล้านดอลลาร์ฯ จากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดจีน
ปี 2569 คาดว่าราคาทุเรียนสดไทยจะลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แต่ในอัตราที่ชะลอลงเหลือ 2.7%

ในปี 2569 ราคาทุเรียนสดไทยคาดว่าจะยังไม่ฟื้นตัว โดยปรับลดลงไปอยู่ที่ 90 บาทต่อกก. ต่ำกว่า 100 บาทต่อกก.ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 (รูปที่ 1) อีกทั้งยังกดดันรายได้เกษตรกรให้ลดลง 0.7% ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้า ราคาทุเรียนสดไทยมีแนวโน้มยากที่จะกลับไปสูงกว่า 100 บาทต่อกก.ดังเช่นในอดีต จากปัจจัยลบที่ยังคงอยู่

 

ในมุมการส่งออก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า มูลค่าส่งออกทุเรียนสดไทยในปี 2569 จะลดลง 1.8% มาอยู่ที่ 3,705 ล้านดอลลาร์ฯ จากแรงกดดันในตลาดจีนใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่

 ความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดจีนลดลง โดยเฉพาะจากคู่แข่งหลักอย่างเวียดนามที่รุกตลาดจีนอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2565 หลังจีนอนุญาตนำเข้าทุเรียนสดจากเวียดนาม ประกอบกับการพัฒนาของเวียดนามที่ทำให้มีการส่งออกเพิ่มและขยายส่วนแบ่งตลาดได้อย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของไทยในจีนทยอยลดลง (รูปที่ 2) นอกจากนี้ ยังมีคู่แข่งหน้าใหม่อย่างฟิลิปปินส์ในปี 2566 มาเลเซียในปี 2567 และกัมพูชากับสปป.ลาวในปี 2568

อย่างไรก็ดี แม้ไทยยังครองแชมป์ส่วนแบ่งตลาดในจีนจากคุณภาพที่ดีและรสชาติเป็นเอกลักษณ์ แต่เวียดนามมีความได้เปรียบด้านต้นทุนต่ำและระยะขนส่งที่ใกล้กว่า ดังแสดงในตารางเปรียบเทียบความสามารถในการแข่งขันของทุเรียนสดไทยและเวียดนามในตลาดจีน (รูปที่ 3)

รูปที่ 3 ตารางเปรียบเทียบศักยภาพทุเรียนสดไทยกับเวียดนามในตลาดจีน
ไทย
เวียดนาม
ผลผลิต (ล้านตัน) 1.59 1.55
พื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นจาก 10 ปีก่อน 2 เท่า 5.6 เท่า
ผลผลิตต่อไร่ (ตัน) 1.131 1.333
ปริมาณจีนนำเข้า (ล้านตัน) 0.81 0.74
ราคาจีนนำเข้า
(ดอลลาร์ฯต่อตัน) 4,957
แพงกว่าเวียดนาม 24.2% 3,991
ได้เปรียบจากต้นทุนการผลิตต่ำ
สัดส่วนพึ่งพาตลาดจีน 97.5% 97.9%
มูลค่าส่งออกไปจีน (ล้านดอลลาร์ฯ) 3,721 2,912
ต้นทุนการผลิต (ดอลลาร์ฯต่อตัน) 1,077
สูงกว่าเวียดนาม 46.2% 737
ได้เปรียบด้านน้ำและค่าแรงถูก
ระยะเวลาขนส่ง พรมแดนไม่ติดจีน พรมแดนติดจีน ส่งมอบเร็วคงความสดใหม่
ทางบก
รถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว 3-4 วัน
26 ชม. 1-2 วัน
3-4 ชม.
สายพันธุ์หลัก หมอนทอง
เจ้าตลาด คุณภาพดี ครองใจคนจีน Ri6 (รีเซา)
หน้าใหม่ เพิ่งได้รับความนิยมไม่นาน
ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว ส่วนใหญ่อยู่ในเดือนเม.ย.-ก.ค. ตลอดทั้งปี
ที่มา: ประเมินโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย จากข้อมูลในปี 2567 ของ OAE, MOC, Trademap และ MARD

 มาตรฐานนำเข้าของจีนยังเข้มงวด โดยตั้งแต่เดือนก.ย. 2567 จีนควบคุมการนำเข้าทุเรียนสดในด้านคุณภาพและสารตกค้าง เช่น แคดเมียม และ BY2 รวมถึงการลงทุนในไทยที่ต้องผ่านมาตรฐานด้านสุขอนามัย การขึ้นทะเบียนสวน และโรงคัดบรรจุ ทำให้ผู้ประกอบการไทยยังมีต้นทุนเพิ่มเพื่อรักษามาตรฐานเหล่านี้


 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคาดว่าจะรุนแรงขึ้น โดยครึ่งปีหลังอาจเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้ร้อนแล้งและกดดันผลผลิตทุเรียนไทยให้เพิ่มขึ้นเพียง 1.9% ไปอยู่ที่ 1.62 ล้านตันในปี 2569 นอกจากนี้ ในระยะยาว สภาพอากาศที่แปรปรวนจะกระทบทั้งปริมาณการส่งออกและคุณภาพผลผลิต เช่น ความอ่อน/แก่ของทุเรียน เป็นต้น

โอกาสทุเรียนไทยภายใต้การแข่งขันกับเวียดนาม จะแตกต่างกันไปตามแต่ละมณฑลในจีน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ตลาดส่งออกทุเรียนสดไทยที่มีศักยภาพอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ยูนนาน และเจ้อเจียง ขณะที่กว่างซีจ้วง ไทยอาจเสียเปรียบเวียดนาม ส่วนเสฉวน ยังเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีโอกาสขยายตัวได้อีก


เมื่อพิจารณาตามมณฑลที่นำเข้าทุเรียนสด พบว่า 5 มณฑลแรกที่นำเข้าจากไทยมีมูลค่ารวมกว่า 2,951 ล้านดอลลาร์ฯ ขณะที่เวียดนามมีมูลค่าอยู่ที่ 2,322 ล้านดอลลาร์ฯ สะท้อนว่าไทยยังครองตลาดในจีน โดยมี 4 มณฑลที่นำเข้าจากทั้งสองประเทศตรงกัน ได้แก่ กวางตุ้ง ยูนนาน เจ้อเจียง และกว่างซีจ้วง (รูปที่ 4) ทั้งนี้ รายละเอียดการวิเคราะห์โอกาสของทุเรียนสดไทยในแต่ละมณฑลเมื่อเปรียบเทียบกับเวียดนาม (รูปที่ 5) มีดังนี้

 มณฑลที่เติบโตโดดเด่น คือ กวางตุ้ง ยูนนาน และเจ้อเจียง ซึ่งจีนมีการนำเข้าทุเรียนสดจากไทยสูงกว่าเวียดนาม อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีรายได้และประชากรสูง จึงเป็นตลาดศักยภาพที่ไทยควรรักษาไว้


 มณฑลที่ท้าทาย คือ กว่างซีจ้วง ซึ่งจีนมีมูลค่าการนำเข้าจากไทยที่น้อยกว่าเวียดนาม เนื่องจากเป็นพื้นที่รายได้น้อย จึงทำให้ทุเรียนสดราคาถูกจากเวียดนามทำตลาดได้ดีกว่า


 มณฑลที่น่าสนใจ คือ เสฉวน แม้จะนำเข้าทุเรียนสดจากไทยเพียง 233 ล้านดอลลาร์ฯ แต่ก็มีมูลค่าที่สูงกว่าการนำเข้าจากเวียดนามถึง 129.9% อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีรายได้และประชากรสูง จึงเป็นตลาดที่ไทยมีโอกาสขยายการส่งออกได้อีกมาก

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้