สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 26 ธันวาคม 2568 )----- นางสาวหลุยส์ เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) TRITN เปิดเผยว่าด้วยคณะกรรมการบริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ได้มีมติในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 9/2568 วันที่ 24 ธันวาคม 2568 โดยมีมติในเรื่องสำคัญ สรุปได้ดังต่อไปนี้

1. มีมติอนุมัติให้จำหน่ายหุ้นสามัญที่ถืออยู่ในบริษัท ไทรทัน เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (“TTEC”) ซึ่งประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและงานโยธา ให้กับบริษัท ที.เอ็ม.เอส. เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด หรือ บุคคล ที่ไม่เข้าข่ายเป็นบุคคลเกี่ยวโยงอื่นใดที่เสนอเงื่อนไขไม่น้อยไปกว่าที่ได้รับจากบริษัท ที.เอ็ม.เอส. เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ทั้งนี้ ภายหลังจากการทำรายการจะส่งผลให้ TTEC และบริษัท ลูเซนท์ เอนเนอร์จี จำกัด (“LUCENT”) ซึ่งเป็นบริษัท ย่อยทางอ้อมที่ TTEC ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ทั้งนี้ การจำหน่ายไปซึ่งหุ้นสามัญของ TTEC ข้างต้นไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน ตามประกาศคณะกรรมการกำกับ ตลาดทุนที่ ทจ. 21/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำารายการที่เกี่ยวโยงกัน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546 (“ประกาศรายการที่เกี่ยวโยงกัน”)

มูลค่ารวมสิ่งตอบแทนของหุ้นสามัญ TTEC ซึ่งมีกำหนดราคาขายหุ้นละประมาณ 0.00002 บาท เมื่อนำมาคูณกับจำนวน หุ้นสามัญที่ขายจำนวน 6,497,364,052 หุ้น จะมีมูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนเท่ากับ 100,000.00 บาท ซึ่งบริษัทจะได้รับ สิ่งตอบแทนเป็นเงินสด

ภายหลังการทำรายการดังกล่าว บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจในฐานะ Holding Company โดยมีธุรกิจหลักได้แก่ ธุรกิจโรงไฟฟ้า พลังงานก๊าซชีวภาพ (Biogas) นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการปรับปรุงกลยุทธ์การลงทุนโดยอยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาโอกาสใน การเข้าลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตอื่นๆ ภายในประเทศไทย

ทั้งนี้ การจำหน่ายไปซึ่งหุ้นสามัญทั้งหมดของ TTEC นั้น จะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการ The Haven เนื่องจาก บริษัทยังคงควบคุมต้นทุนการก่อสร้างให้อยู่ภายใต้งบประมาณเดิมที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมใน การบริหารจัดการโครงการ ซึ่งอาจเป็นการมอบหมายให้ TTEC ดำเนินการต่อหรือจัดหาผู้รับเหมารายใหม่ที่มีศักยภาพเข้ามาดำเนินการ แทน โดยจะยึดถือผลประโยชน์ของบริษัทและการควบคุมงบประมาณเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีภาระผูกพันที่เกี่ยวข้องกับ TTEC อ้างอิงตามหมายเหตุประกอบงบการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 รวมทั้งสิ้น 655.01 ล้านบาท ประกอบด้วย (1) ตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) จำนวน 30.00 ล้านบาท ซึ่งมีสถานะเป็น เงินให้กู้ยืม และ (2) วงเงินหนังสือค้ำประกันกับสถาบันการเงิน จำนวน 625.01 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีภาระหนี้ที่เกิดขึ้นจริง (Outstanding) เนื่องจากเป็นเพียงวงเงินค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งจะสิ้นสุดภาระลงเมื่อโครงการเสร็จสิ้นตามปกติ จึงไม่ ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องหรือฐานะทางการเงินของบริษัทในขณะนี้ โดยภาระผูกพันทั้งหมดดังกล่าวยังคงอยู่ภายใต้สัญญาเงินกู้ และสัญญาค้ำประกันเดิมกับสถาบันการเงิน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ค้ำประกันหรือเงื่อนไขภายหลังการจำหน่ายหุ้น ทั้งนี้ ภายหลัง การจำหน่ายหุ้น TTEC ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหม่มีแผนที่จะดำเนินการปลดภาระการค้ำประกันดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

บริษัทมีแผนจะนำเงินสดที่ได้รับจากการเข้าทำรายการไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท