ธุรกรรมทองคำเทรดป่วน กดดันบาทแข็งค่า

 

HORIZON MARKET VIEW
• วานนี้สหรัฐฯ เผยตัวเลข GPD GROWTH ใน 3Q68 ขยายตัว +4.3%YOY สูงกว่าตลาดคาดที่ +3.3%YOY และเติบโตเร็วสุดในรอบ 2 ปี โดยมีแรงหนุนหลักๆ จากการใช้จ่ายผู้บริโภค (+3.5%) และการส่งออก (+1.6%) รวมถึงนโยบายการค้าผ่อนคลายขณะที่กำไรบริษัทยังแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 1.66 แสนล้านดอลลาร์ ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการลงทุนในปีหน้า
• ตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังดูดี บวกกับโอกาสเกิด RECESSION น้อยลง อาจต้องแลกความคาดหวังในการปรับลดดอกเบี้ยที่ยืดเวลาออกไป โดยล่าสุด FEDWATCH TOOLคาดว่าในปีหน้า FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกช่วงไตรมาส 2 (เดิมคาดช่วงไตรมาส1) และความน่าจะเป็นในการปรับลดอกเบี้ยในครั้งที่ 2 ยังมีน้ำหนักต่ำกว่า 50%

REGION RADAR
• มูลค่าตลาดเทคโนโลยีควอนตัมหลังปี 2030 จะมีการเติบโตในอัตราเร่งขึ้น โดยภายในปี 2040 มุมมอง OPTIMISTIC คาดมูลค่าตลาดควอนตัมจะอยู่ที่ระดับ $1.30 แสนล้าน
• แผน 5 ปีฉบับที่ 15 ของรัฐบาลจีน (2026-2030) ได้มีการให้ความสำคัญถึงเทคโนโลยีในอนาคตที่สำคัญมากมาย หนึ่งในนั้นคือเทคโนโลยีควอนตัม อีกทั้ง CEO ของ NVIDIA ได้มีการกล่าวถึงเทคโนโลยีควอนตัมที่งาน GTC 2025 ในเชิงบวก แนะนำเก็งกำไรDEFIANCE QUANTUM ETF (QTUM US)

 

THAI FOCUS
• ค่าเงินบาทกับราคาทองคำมีความสัมพันธ์กันสูงมาก โดยมีค่าCORRELATION 65% ในปี 2568 คลัง-ธปท.-ก.ล.ต จึงออกมาตรการกำกับดูแล คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางเดือน ม.ค. 2569 โดยหวังจะช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาท
• หลังจบการดีเบตนายกฯ ครั้งแรก ของช่องไทยรัฐทีวีผล POPULARVOTE นำโดยพรรคก้าวไกล 44.7%, พรรคเพื่อไทย 22.8%, พรรคประชาธิปัตย์ 12.3% ส่วนนโยบายหลักเน้น การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ และแจกเงินกระตุ้นการบริโภค ซึ่งจะเป็นตัวพยุงเศรษฐกิจในระยะถัดไป

 

SYNAPSE STRATEGY
• GDP สหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด โอกาสการเกิด RECESSIONลดลง หนุนสินทรัพย์เสี่ยง และราคา COMMODITY ขยับขึ้นต่อ แนะเก็งกำไรหุ้น ZIJIN80และ 1880 HK
• ส่วนตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามหุ้นโลก พร้อมกับค่าเงินบาทยังอยู่ในโซนแข็ง หวัง FUND FLOW ไหลเข้าต่อหลังต่างชาติซื้อ11 ใน 15 วัน สุทธิ 7.3 พันล้านบาท แนะนำหุ้นใหญ่พื้นฐานดีรับบาทแข็ง PTTEP, GULF, BGRIM, GPSC และสะสมหุ้นปันผลสูงICHI, LH, AP, MAJOR

 

HORIZON MARKET VIEW
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีเกินคาด แต่อาจทำให้การลดดอกเบี้ยยืดเวลาออกไป
วานนี้สหรัฐฯ เผยตัวเลข GPD GROWTH ใน 3Q68 ขยายตัว +4.3%YOY สูงกว่าตลาดคาดที่ +3.3%YOY และเติบโตเร็วสุดในรอบ 2 ปีโดยมีแรงหนุนหลักๆ จากการใช้จ่ายผู้บริโภค (+3.5%) และการส่งออก (+1.6%) รวมถึงนโยบายการค้าผ่อนคลาย ขณะที่กำไรบริษัทยังแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 1.66 แสนล้านดอลลาร์ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการลงทุนในปีหน้า

สำหรับแง่มุมโอกาสเกิดเศรษฐกิจ RECESSION ในอีก 1 ปีข้างหน้าของ BLOOMBERG พบว่ามีการปรับลดคาดการณ์ลงในหลายประเทศ นำโดยสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, ยุโรป, อังกฤษ, ไทย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย เป็นต้นตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังดูดี บวกกับโอกาสเกิด RECESSION น้อยลง อาจต้องแลกความคาดหวังในการปรับลดดอกเบี้ยที่ยืดเวลาออกไป โดยล่าสุด FEDWATCH TOOL คาดว่าในปีหน้า FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกช่วงไตรมาส 2 (เดิมคาดช่วงไตรมาส 1) และความน่าจะเป็นในการปรับลดอกเบี้ยในครั้งที่ 2 ยังมีน้ำหนักต่ำกว่า 50%

 

REGION RADAR
QUANTUM TECHNOLOGY ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อโลกในอนาคต
ตลาด QUANTUM ในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตช้า SINGLE-DIGIT แต่ VANECK ได้คาดการณ์มูลค่าตลาดเทคโนโลยีควอนตัมหลังปี 2030 จะมีการเติบโตในอัตราเร่งขึ้น โดยภายในปี 2040 มุมมอง CONSERVATIVEคาดเทคโนโลยีควอนตัมจะมีการเติบโตสู่ระดับ $4.50 หมื่นล้าน ขณะที่กรณี OPTIMISTIC คาดมูลค่าตลาดควอนตัมจะอยู่ที่ระดับ $1.30 แสนล้าน

ในด้านประเทศที่เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี QUANTUM ที่น่าจับตา ได้แก่ สหรัฐฯ และญี่ปุ่น เนื่องจากสหรัฐฯ มีสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีควอนตัมทั้งหมด 18,649 ฉบับ มากที่สุดในโลก ขณะที่ญี่ปุ่นครอบครองทั้งสิ้น 9,400 ฉบับ

ในงาน GTC 2025 JENSEN HUANG ระบุว่า QUANTUM COMPUTING กำลังถึงจุดเปลี่ยนที่จะเริ่มแก้ปัญหาในโลกจริงได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และได้เชิญผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทควอนตัม อาทิ D-WAVE, IONQ,PASQAL และ RIGETTI มาเสวนาเกี่ยวกับอนาคตของควอนตัม ภาพรวมเป็นไปในเชิงบวกส่งผลให้ราคาของกลุ่มหุ้น QUANTUM ปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

แผน 5 ปีของจีนสนับสนุนเทคโนโลยี QUANTUM
ในแผน 5 ปีฉบับที่ 15 ของรัฐบาลจีน (2026-2030) ได้มีการให้ความสำคัญถึงเทคโนโลยีในอนาคตที่สำคัญมากมาย ได้แก่ AI, ชิป, เทคโนโลยี และเทคโนโลยีควอนตัมก็เป็นอีกกลุ่มนึงที่รัฐบาลจีนได้ให้ความสำคัญใน 5 ปี หลังจากนี้

แนะนำเก็งกำไร DEFIANCE QUANTUM ETF (QTUM US) โดยความน่าสนใจของ ETF ตัวนี้คือ ไม่ได้ลงทุนในหุ้นQUANTUM 100% เนื่องจากบริษัทควอนตัมในปัจจุบันส่วนใหญ่ยังขาดทุนอยู่ โดย ETF นี้ได้มีการกระจายการลงทุนไปยังบริษัทที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากเทคโนโลยีควอนตัมอีกทั้งได้ลงทุนในกลุ่ม BIG TECH ที่มีผลประกอบการเติบโตโดดเด่น อาทิ MICRON TECHNOLOGY, ALPHABET และ AMD

 

THAI FOCUS
คลัง-ธปท.-ก.ล.ต. จ่อออก 3 มาตรการรับมือ ‘บาทแข็งค่าเกินไป’
วานนี้คลัง-ธปท.-ก.ล.ต.ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทและความสัมพันธ์กับราคาทองคำ โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 ทองคำมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางแข็งค่าสูงสุดที่ 70.5%(YTD) ส่วนค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 9.4%(YTD) แข็งค่ากว่าสกุลเงินอื่นๆในภูมิภาค หากพิจารณาช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา(MTD) ทองคำยังคงแข็งค่าสูงสุดที่ 9.3% และเงินบาทแข็งค่าขึ้น 4.2% โดยสาเหตุการแข็งค่าของเงินบาท คือ การทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศของบริษัททองคำเป็นหนึ่งในแรงกดดันหลักที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าในช่วงที่ผ่านมาโดยรายได้ของผู้ค้าทองคำ 15 รายใหญ่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของ GDP เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 17% ในปี 2563ถึง 39% ในปี 2567 ส่วนมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยรายวันของทองคำ (65,937 ล้านบาท) ในปี 2568 สูงกว่าการลงทุนในหุ้น (42,417 ล้านบาท) และมีมูลค่าซื้อขายสูงสุดถึง 255,566 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามูลค่าการซื้อขายทองคำใกล้เคียงกับการลงทุนในหุ้น แต่ไม่มีสำนักงานงานตรวจสอบธุรกรรม เหมือนโบรกเกอร์ (ผู้ค้าทองคำ 8 รายใหญ่< 36 โบรกเกอร์,1 สินทรัพย์ทองคำ < 704 หุ้นทั้งหมดในตลาดหุ้นไทย)

 

อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างค่าเงินบาทกับราคาทองคำ มีความสัมพันธ์กันสูง โดยมีค่า CORRELATION 65%ในปี 2568 มากกว่าสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาค และมากกว่าค่าเฉลี่ยของตัวเองในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาดังนั้น แนวทางการกำกับดูแลที่ตกลงร่วมกันระหว่าง คลัง-ธปท.-ก.ล.ต. จะมีอยู่ด้วยกัน 3 มาตรการ โดย 2มาตรการจะเป็นในส่วนของกระทรวงการคลัง คือ
1.ให้กรมสรรพากรกำกับผู้ประกอบการซื้อขายแพลตฟอร์มออนไลน์ให้ส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร
2.ให้กรมสรรพากรดูความเหมาะสมในการเรียกเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะการซื้อขายทองคำบนแพลตฟอร์มออนไลน์ไม่รวมซื้อขายรายย่อย
3.มาตรการในส่วนของธปท.การดูแนวทางการกำกับปริมาณธุรกรรมทองคำ เช่น การกำหนดเพดานธุรกรรมหากผู้ประกอบการ-ลูกค้าเป็นประเภทนี้ และมีการยืนยันตัวตน (KYC) แบบนี้ จะกำหนดเพดานธุรกรรมเท่าไร โดยจะไม่กระทบร้านทองตู้ทอง และซื้อขายรายย่อย

ซึ่งคาดมาตการต่างๆจะดำเนินการแล้วเสร็จ ช่วงกลางเดือน ม.ค. 69 และหวังว่าค่าเงินบาทที่แข็งมาแล้ว 4 ปี ครึ่งจะมีโอกาสชะลอลงและอ่อนค่าบ้าง

 

 

ส่วนวานนี้มีการดีเบตครั้งแรกของเลือกตั้ง 2569ของแคนดิเดตนายกฯพรรคต่างๆ ที่ช่องไทยรัฐทีวีหลังจบมีการทำ POPULAR VOTE ผลปรากฎว่า พรรคก้าวไกล 44.7% พรรคเพื่อไทย 22.8% พรรคประชาธิปัตย์12.3%ตามลำดับ และนโยบายหลักที่นำเสนอของแต่ละพรรคส่วนใหญ่ คือ การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ, แจกเงินกระตุ้นกระตุ้นการบริโภค ซึ่งจะเป็นตัวพยุงเศรษฐกิจในระยะถัดไป ซึ่งต้องติดตามการดีเบตครั้งถัดๆไปของสื่อช่องต่างๆว่าผลPOPULAR VOTE จะออกมาคล้ายคลึงครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งน่าจะเป็นตัวกำหนดทิศทางจัดตั้งรัฐบาลได้เป็นอย่างด

 

SYNAPSE STRATEGY
บาทยังแข็ง หวังหุ้นไทยเดินหน้าต่อตามหุ้นโลก
GDP สหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด โอกาสการเกิด RECESSION ลดลง หนุนสินทรัพย์เสี่ยง และราคาCOMMODITY ขยับขึ้นต่อ แนะเก็งกำไรหุ้น ZIJIN80 และ 1880 HK (รายละเอียดตามหัวข้อก่อนหน้า)ส่วนตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามหุ้นโลก พร้อมกับค่าเงินบาทยังอยู่ในโซนแข็ง หวัง FUND FLOW ไหลเข้าต่อ หลังเดือนนี้ต่างชาติซื้อ 11 ใน 15 วัน สุทธิ 7.3 พันล้านบาท

 

แนะนำหุ้นใหญ่พื้นฐานดีรับบาทแข็ง PTTEP, GULF, BGRIM, GPSC และสะสมหุ้นปันผลสูง ICHI, LH, AP,MAJOR

 

 

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์