Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

87


ภาพตลาดและแนวโน้ม Market wrap & Outlook

สรุปภาพตลาดวานนี้ SET แค่ประคองตัวได้ แม้ลดดอกเบี้ย โดยพยายามจะดันให้บวก แต่จบที่ลบเล็กน้อย แต่กลุ่มเล่นตรงข้ามดอกเบี้ยก็ยังปิดแดนบวก-เสมอตัว ได้บางตัว โรงไฟฟ้า GULF GPSC อสังหาฯ SPALI แต่ภาพรวมเห็นแรง Sell-on-fact เข้ามาช่วงบ่าย-เย็น

แนวโน้มตลาดวันนี้ หุ้นโมเมนตั้ม-บัวพ้นน้ำ
เราคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้ ประคองตัวเหนือแนวรับ 1250 จุด ต่อเนื่อง โดยยังไม่กล้าหวังว่าจะเกิดภาพการวกกลับของดัชนีฯแบบรวดเร็ว ซึ่งการแกว่งออกข้างของตลาดหุ้นไทย เราคงคำแนะนำ “เลือกที่จะถือหุ้นที่พาเข้าแล้ว...ราคาหุ้น-ปิดพ้นน้ำ” หรือเล่นหุ้นที่ราคาปิดหนีพ้นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว และสัญญาณยังไม่เสีย...
ซึ่งหุ้นแนะนำส่วนใหญ่เป็น หุ้นโมเมนตั้มแบบกลางๆ ที่เราชอบในภาวะที่เรายังกล้าๆกลัวๆ คือ หาหุ้นซื้อที่ไม่ได้ขึ้นแรงสุด หรือ ดักเก็บหุ้นนอนเป็นผักอยู่ข้างล่าง
แต่เน้นไปที่หุ้นกำลังเปลี่ยนโมเมนตั้ม เช่น CENTEL CPN PTT TOP PTTEP ที่เราแนะ และอาจเพิ่มการเก็งกำไรหุ้นในกระแส เช่น กลุ่มค้าวัสดุก่อสร้าง (ปัญหาเหล็กจีนทุ่มตลาดกำลังได้รับการจัดการ DOHOME GLOBAL CRC) หุ้นกัญชง กัญชา (สหรัฐกำลังจะปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด) หุ้นโรงไฟฟ้า (บาทแข็ง, ต้นทุนก๊าซลด) เป็นต้น
กลยุทธ์ จึงคงคำแนะนำ เล่นหุ้นแบบระมัดระวัง ไม่ไล่หุ้นขึ้นแรง, ไม่ดักหุ้นที่นอนเป็นผักแถวล่าง และเราฟันธง ตลาดหุ้นไทยจะยืนได้เหนือ 1245 จุด เพื่อรีบาวด์สั้นกลับไปที่โซน 1280 จุด อีกครั้ง แล้วค่อยมาลุ้นกันต่อว่าจะเดินหน้าขึ้นต่อได้อีกไกลแค่ไหน จากความคาดหวัง Window dressing!

กลยุทธ์การลงทุน กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ “รอ” สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลง ไม่ไล่ราคา เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ เพิ่มการเล่นหุ้นตามกระแสการเก็งกำไร

วิเคราะห์ทางเทคนิค SET Index ย่อนิดๆยังคงเคลื่อนที่อยู่ในกรอบสามเหลี่ยม รอจุดเปลี่ยน รอเลือกทาง จุดสังเกต(เล็กๆ) RSI flat แต่ slope ชันขึ้น หากทะลุ level 50 ขึ้นไปได้จะบ่งชี้ถึงภาวะความแข็งแรงด้านพลัง (ยังต้องรอต่อไป) สำหรับแนวโน้มการเเคลื่อนที่ของดัชนี..ภาพชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะโซนรับ 1,250 ลง test หลายครั้ง ไม่หลุด (Strong support) ขณะที่โซนต้าน 1,280 ทะลุได้จะทำให้ภาพเปลี่ยน....เกิดสัญญาณกลับตัวขาขึ้นรอบใหม่ โดยยังคงมองภาพตลาดมีโอกาสจบรอบ “Corrective wave C” หรือปลายทางคลื่นขาลงนั่นเอง
Note: “DELTA” ลงต่อ แต่คาดว่าเงินมีการโยกย้ายไปสู่หุ้นอื่นๆแทนที่ ไม่หวังพึ่งหุ้นเพียงตัวเดียวอีกต่อไป
ไฮไลท์หุ้น: ไม่มีคำว่าฟลุ๊ก GULF ขึ้นตามแผน/ แผนย่อซื้อ “BDMS” ได้ผล/ CPN พลังของหุ้นเบอร์หนึ่ง...กลุ่มค้าปลีก / CPALL เมื่อจังหวะดนตรี C-Major ประสานกับ Signal Recovery/ COM7 ล้างเครื่องขาลง...กำลังรันโปรแกรมขาขึ้น

 

What to watch
ประธาน กกต.ยืนยัน ไม่มีเลื่อนวันเลือกตั้ง วางแผนจัดเลือกตั้งในสถานการณ์พิเศษไว้แล้ว แม้จะมีเหตุปะทะตามแนวชายแดน ไทย กัมพูชา
เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ลงมาเป็น 3.5-3.75% ตามที่ตลาดคาด โดยเหตุผลสนับสนุนหลักจากแรงกดดันตลาดแรงงาน แต่มติ 9 ต่อ 3 ถูกหยิบมาเป็นประเด็นตีความถึงเสียงที่แตก รวมทั้งการให้ภาพแนวโน้มที่ชี้ว่าโอกาสข้างหน้ายากขึ้น โดย Dot plot ปี 2026 ลดอีก 1 ครั้ง และ 2027 ลด 1 ครั้ง จบที่ราว 3% ระยะยาว
SET50 ตลาดแจ้งหุ้นเข้าคำนวณรอบใหม่ ได้แก่ CENTEL SAWAD
FTSE rebalance: เพิ่มหุ้น THAI เข้า FTSE Large Cap ถอด AWC มีผล 22 ธ.ค.นี้ (ราคาปิด 19 ธ.ค.)
การประชุมดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง: ไทย (วันที่ 17 ธ.ค.) กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 1.25% ตามคาด
ทรัมป์ลงนามคำสั่งจัด "เฟนทานิล" เป็นอาวุธทำลายล้างสูง เล็งใช้กำลังทหารปราบปราม ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังระบุว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อจัดประเภทของกัญชาใหม่ ซึ่งจะเอื้อต่อการผ่อนปรนข้อจำกัดของรัฐบาลกลาง ทั้งนี้ การจัดประเภทใหม่นี้จะย้ายกัญชาออกจากกลุ่มเดียวกับเฮโรอีนไปอยู่ในกลุ่มที่มีอันตรายน้อยกว่า เช่น สเตียรอยด์และยาไทลินอลผสมโคเดอีน และจะนับเป็นครั้งแรกที่กฎหมายรัฐบาลกลางรับรองการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์อย่างเป็นทางการ

หุ้นแนะนำวันนี้
CPN Traffic คนเดินห้างปรับตัวขึ้นดีสวนภาวะเศรษฐกิจ ทั้งจากการเปิด Mix used กระบี่, ดุสิต และปิดโอนโครงการอสังหาฯหนุน งบ 4Q
แนวรับ 53.75 ต้าน 56.5 Stop loss 53

 

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

Econ
กนง. มีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 1.25% คาดลดอีก 1 ครั้งในช่วง 1Q26
กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.5% เหลือ 1.25% โดยเห็นว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนคลาย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงชัดเจนและมีความเสี่ยงมากขึ้น
เศรษฐกิจไทยในปี 2026 มีแนวโน้มชะลอลง (กนง. คาด GDP ปี 2026 อยู่ที่ 1.5% และปี 2027 อยู่ที่ 2.3%) ซึ่งเป็นไปตามการบริโภคภาคเอกชนที่ชะลอลง ขณะอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ (กนง. คาดปี 2026 ที่ 0.3% และปี 2027 อยู่ที่ 1.0%) แรงกดดันจากด้านอุปทาน ส่วนด้านอุปสงค์ยังมีจำกัดกว่า
สินเชื่อโดยรวมยังคงหดตัวและคุณภาพสินเชื่อก็ยังคงมีแนวโน้มด้อยลง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางอย่าง SMEs
ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากกว่าภูมิภาค กนง. เห็นควรว่าจะต้องยกระดับการติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด รวมถึงการพิจารณาแนวทางดำเนินการกับธุรกรรมที่สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ
เรามองว่าเศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงอีกหลายด้านที่น่าจะทำให้ GDP โดยรวมปี 2026 ชะลอลง ทั้งนี้ เรามองว่า กนง. น่าจะลดอัตราดกเบี้ยนโยบายลงอีก 1 ครั้ง (0.25%) เหลือ 1.0% ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2026 และคาดว่าจะสิ้นสุดวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน (Easing cycle) ที่ 1.0%

Industrial Estate Sector
ผ่านจุดสูงสุดแล้ว รอวัฏจักรใหม่หลังปี 2026
แม้ตลาดจะคาดหวังว่าการลงทุน Data center และนโยบายรัฐจะหนุนกลุ่มนิคมฯ ต่อเนื่อง แต่เรามองว่ารอบการเติบโตหลักได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดย ยอด presales สูงสุดอยู่ในปี 2024 และกำไรมีแนวโน้มพีคในปี 2025 ขณะที่สัญญาณจาก BOI เริ่มสะท้อนการชะลอตัวของดีมานด์ในปีถัดไป โดยการยื่นขอส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ใน 3Q25 ปรับลดลง QoQ สะท้อนแรงส่งของอุตสาหกรรมดั้งเดิมที่เริ่มอ่อนลง ขณะที่การพัฒนา Data center ขนาด multi-GW ใน EEC กลับกลายเป็นข้อจำกัดเรื่อง ความเพียงพอของไฟฟ้า ส่งผลให้ BOI เข้มงวดในการอนุมัติโครงการใหม่
ยอกจากนี้ยังไม่เห็นสัญญาณชัดเจนของการหมุนดีมานด์ไปยังอุตสาหกรรมใหม่อย่าง semiconductor และ advanced electronics แม้จะเป็นธีมที่ถูกพูดถึงมากในเชิงนโยบาย
ภาพรวมกำไร มีแนวโน้มทำจุดสูงสุดในปี 2025 ตามการรับรู้ backlog ก่อนเข้าสู่ช่วงชะลอในปี 2026 หากไม่มี demand cycle ใหม่เข้ามาทดแทน
Fundamental view: เรายังคงมุมมอง ระมัดระวังต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และแนะนำ sell-into-strength เนื่องจากตลาดให้น้ำหนักเชิงบวกกับนโยบาย “Fast Pass” และ FDI สูงเกินไปในระยะสั้น แม้ 4Q25 presales อาจออกมาดี แต่ยังไม่ใช่สัญญาณของรอบใหม่ที่ยั่งยืน
สำหรับธีม Data center เรายังคง ชอบ WHAUP มากกว่าหุ้นนิคมฯ โดยตรง เนื่องจากมี exposure ต่อความต้องการไฟฟ้าและน้ำจาก Data center ในปี 2026 ได้ชัดเจนกว่า และมีความเสี่ยงเชิงวัฏจักรต่ำกว่าในระยะถัดไป


Construction Sector
ช่วงเลือกตั้ง ราคาหุ้นอาจยังฟื้นได้ไม่ต่อเนื่อง
เราปรับลดน้ำหนักกลุ่มรับเหมาฯ ลงเป็น “น้อยกว่าตลาด” โดยมองว่าช่วงสุญญากาศการเมือง-เลือกตั้ง จนถึงจัดตั้งรัฐบาลช่วงแรก แม้หุ้นจะลงมาแรงแล้ว แต่การรีบาวด์อาจไม่โดดเด่นเทียบกลุ่มอื่น โดยเรา De-rating valuation และราคาเป้าหมายลงมา และแนะนำเพียง ถือ ทั้ง CK-STECON เพื่อรอจังหวะใหม่
สถิติช่วงก่อน-หลังเลือกตั้ง: เราศึกษาเพิ่มเติมสถิติตั้งแต่ยุคนายกฯ ทักษิณ ถึงเศรษฐา (7 ครั้ง) พบว่าโดยเฉลี่ยหุ้น CK-STECON ไม่เล่นทั้งก่อน-หลังเลือกตั้ง โดยราคาหุ้นลง 4-5% ก่อนเลือกตั้ง และยังลงต่อ 10-15% ในช่วง 90 วันทำการ หลังเลือกตั้ง จากสุญญากาศการเมือง ถึงช่วงต้นรัฐบาลที่มักยังไม่ได้เร่งออกโครงการโครงสร้างพื้นฐาน
Backlog พร้อม แม้กรณีงานดีเลย์: Backlog ในปัจจุบันทั้ง CK-STECON ดีกว่าในอดีตมาก โดยรองรับการรับรู้รายได้ไประดับ 4-5 ปี แต่งานใหม่ของภาครัฐส่วนใหญ่น่าจะดีเลย์ไป 2H26 ต้นปีจึงหวังพึ่งงานเอกชนอย่าง Data Center และโรงไฟฟ้าเป็นหลัก ทำให้แนวโน้ม Backlog ปีหน้าอาจจะลดลง YoY
ความผันผวนของต้นทุนจะมาจากปัจจัยภายนอก: โดยเราติดตาม 2 ด้าน คือ
1) ด้านแรงงาน แบ่งเป็น
1.1) การหาเสียงนโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ และ
1.2) ขาดแคลนแรงงานทางอ้อมผ่านผู้รับเหมาช่วง แม้กัมพูชาที่ไม่ได้เป็นแรงงานหลัก แต่เมียนมามีการสู้รบภายในอาจเริ่มจำกัดการส่งออกแรงงานใหม่ ส่วน
2) ด้านต้นทุนวัสดุก่อสร้าง อาจจะเริ่มเห็นความผันผวนจากราคาเหล็กเพิ่ม เพราะเห็นจีนพยายามคุมส่งออก ส่วนในระยะยาว คาดพยายามควบคุมต้นทุนผ่านการนำ IT มาปรับใช้ร่วม

 

สรุปประเด็นจาก Quick take
BJC
เบอร์ลี่ ยุคเกอร์
มองลบต่อดีลการซื้อกิจการค้าส่งในเวียดนาม (MMVN)
ที่มาที่ไปของมูลค่าดีล 22.5 พันลบ. อิงราคาประเมินตามกระแสเงินสดของบริษัท จุดเด่นอยู่ที่ศักยภาพการเติบโตสูง ผลประกอบการพลิกจากขาดทุน 737 ลบ.ในปี 2015 เป็นกำไร 553 ลบ.ในปี 2024
View from fundamental: ราคาหุ้นบ่ายวานนี้ปรับลงแล้ว 6% ทั้งนี้ เราเชื่อว่าการเปิดเผยแผนธุรกิจที่ชัดเจนมากขึ้นจะช่วยราคาหุ้นลุ้นฟื้นตัว หากเป็นไปตามสมมติฐานบริษัท เราคาดจะเกิดกำไรส่วนเพิ่มจากการรวมกิจการปีละ 120-200 ลบ. ในปี 2026-27 (2-4%ของประมาณการกำไร) สิ่งที่น่าติดตามคือมูลค่า Synergies ที่จะเกิด เรากำลังทบทวนประมาณการกำไร

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้