ภาพตลาดและแนวโน้ม Market wrap & Outlook
สรุปภาพตลาดวานนี้ หุ้นไทยย่อเช่นเดียวกับตลาดโลก นำโดย DELTA PTT PTTGC CPALL CRC BDMS ส่วนหุ้นบวกสวนยังเป็น AOT + THAI ขณะที่กลุ่มธนาคารสัญญาณเริ่ม Mix ไปคนละทาง สำหรับหุ้นบวกแรง CENTEL (หลังประกาศเข้า SET50) JTS
แนวโน้มตลาดวันนี้ ทุกปัญหาเริ่มได้ที่...“ตัวเรา” (DELTA กล่าว)
แม้ตลาดหุ้นไทยจะปรับฐานมากกว่าแค่พักฐานตามที่เราคาด แต่อย่างที่ นลท.เห็น มีเพียงหุ้นไม่กี่ตัวที่มีอิทธิพลต่อการปรับฐานของตลาดหุ้นฯ ขณะเดียวกันก็ มีหุ้นอีกหลายตัวที่ กระจายพลังบวกสวนภาวะการลงทุน สอดคล้องกับที่เรา กำลังตามหา หุ้นพลังบวก (เชิงลบ) “ราคาหุ้นบวกได้ทั้งที่ดูไม่มีอะไรน่าจะบวก”
ซึ่งหุ้นบวกส่วนใหญ่เป็น หุ้นโมเมนตั้มแบบกลางๆ ที่เราชอบในภาวะที่เรายังกล้าๆกลัวๆ คือ หาหุ้นซื้อที่ไม่ได้ขึ้นแรงสุด หรือ ดักเก็บหุ้นนอนเป็นผักอยู่ข้างล่าง
แต่เน้นไปที่หุ้น กำลังเปลี่ยนโมเมนตั้ม เช่นเมื่อวาน CENTEL CPN PTT ฯลฯ ที่เราแนะ และอาจเพิ่มการเก็งกำไรหุ้นในกระแส เช่น กลุ่มค้าวัสดุก่อสร้าง (ปัญหาเหล็กจีนทุ่มตลาดกำลังได้รับการจัดการ DOHOME GLOBAL CRC)
กลยุทธ์ จึงคงคำแนะนำ เล่นหุ้นแบบระมัดระวัง ไม่ไล่หุ้นขึ้นแรง, ไม่ดักหุ้นที่นอนเป็นผักแถวล่าง และเราฟันธง ตลาดหุ้นไทยจะยืนได้เหนือ 1245 จุด เพื่อรีบาวด์สั้นกลับไปที่โซน 1280 จุด อีกครั้ง แล้วค่อยมาลุ้นกันต่อว่าจะเดินหน้าขึ้นต่อได้อีกไกลแค่ไหน
กลยุทธ์การลงทุน กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ “รอ” สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลง ไม่ไล่ราคา เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ เพิ่มการเล่นหุ้นตามกระแสการเก็งกำไร
วิเคราะห์ทางเทคนิค SET Index ขึ้นสลับย่อ แต่ยังคงเคลื่อนที่อยู่ในกรอบสามเหลี่ยม รอจุดเปลี่ยน รอเลือกทาง รอทะลุโซนต้านสำคัญ 1,280 จะเป็นจุดกลับตัวขาขึ้นรอบใหม่ ส่วนกรอบล่างโซนรับ 1,250 ปรับฐาน ลง test หลายครั้ง ไม่หลุด ทำให้มีโอกาสที่ดัชนีจะเลือกทางขึ้นมากกว่าลง จับตาโมเมนตัม RSI ล่าสุดชนด่าน level 50 หากผ่านได้จะช่วยยืนยันภาวะความแข็งแกร่งด้านราคาและมีโอกาสจบคลื่นขาลง “Corrective wave C” ส่วนคำถามจะมีโอกาสปิดสิ้นปีลุ้นเลข 1,300? คำตอบ: ยังมี hope อยู่ครับ
Note: “DELTA” impact หุ้นร่วงฉุดดัชนีลง -9.7 จุด จับตาเงินมีแนวโน้มโยกย้ายไปสู่หุ้นอื่นๆแทนที่ คาดอาจเป็น “AOT”
ไฮไลท์หุ้น: CENTEL ส่งซิก….ขาขึ้นยังไม่จบง่ายๆ/ แผนย่อซื้อ “BDMS”/ GULF สะสมพลังที่ฐาน (เตรียมดีดขึ้น)/ MTC เด้งขึ้นโซนรับ (5yr) & ทำค่าเฉลี่ยขึ้น / COM7 จบคลื่นขาลง
What to watch
เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ลงมาเป็น 3.5-3.75% ตามที่ตลาดคาด โดยเหตุผลสนับสนุนหลักจากแรงกดดันตลาดแรงงาน แต่มติ 9 ต่อ 3 ถูกหยิบมาเป็นประเด็นตีความถึงเสียงที่แตก รวมทั้งการให้ภาพแนวโน้มที่ชี้ว่าโอกาสข้างหน้ายากขึ้น โดย Dot plot ปี 2026 ลดอีก 1 ครั้ง และ 2027 ลด 1 ครั้ง จบที่ราว 3% ระยะยาว
SET50 ตลาดแจ้งหุ้นเข้าคำนวณรอบใหม่ ได้แก่ CENTEL SAWAD
FTSE rebalance: เพิ่มหุ้น THAI เข้า FTSE Large Cap ถอด AWC
การประชุมดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง: ไทย (วันที่ 17 ธ.ค.) คาด กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 1.25%, ธนาคารกลาง ไต้หวัน อินโดนีเซีย คาดคงดอกเบี้ย แต่ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย
ทรัมป์ลงนามคำสั่งจัด "เฟนทานิล" เป็นอาวุธทำลายล้างสูง เล็งใช้กำลังทหารปราบปราม ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังระบุว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อจัดประเภทของกัญชาใหม่ ซึ่งจะเอื้อต่อการผ่อนปรนข้อจำกัดของรัฐบาลกลาง ทั้งนี้ การจัดประเภทใหม่นี้จะย้ายกัญชาออกจากกลุ่มเดียวกับเฮโรอีนไปอยู่ในกลุ่มที่มีอันตรายน้อยกว่า เช่น สเตียรอยด์และยาไทลินอลผสมโคเดอีน และจะนับเป็นครั้งแรกที่กฎหมายรัฐบาลกลางรับรองการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์อย่างเป็นทางการ
หุ้นแนะนำวันนี้
CPN Traffic คนเดินห้างปรับตัวขึ้นดีสวนภาวะเศรษฐกิจ ทั้งจากการเปิด Mix used กระบี่, ดุสิต และปิดโอนโครงการอสังหาฯหนุน งบ 4Q
แนวรับ 53.75 ต้าน 56 Stop loss 53
รายงานพื้นฐานวันนี้
Home Improve-ment Sector
เมื่อไหร่จะเข้าสู่ขาขึ้นแบบปกติ?
ภาพรวมของกลุ่มค้าปลีกวัสดุตกแต่งบ้านและก่อสร้าง (HD&C) ในปี 2026 ยังคงเป็นภาพที่ “ผสม” ระหว่างแรงหนุนเชิงโครงสร้างกับแรงกดดันระยะสั้น
ด้านบวก: กลุ่มนี้ยังได้รับแรงสนับสนุนระยะยาวจากการขยายตัวของเมืองและการใช้จ่ายภาครัฐ โดยสัดส่วนประชากรเมืองของไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หนุนดีมานด์ด้านในระยะยาว
ด้านลบ: ระยะสั้นมีแรงกดดันจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ระมัดระวังมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายสาขาเดิม หรือ SSS ฟื้นตัวไม่สม่ำเสมอ ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการทุกรายมีแนวโน้มชะลอการขยายสาขาในปี 2026 เพื่อรักษาสภาพคล่องมากกว่าการเร่งขยาย
แนวโน้มกำไร: ปี 2026 คาดในโทน “ทรงตัว” หรือ เติบโตต่ำ หลังผ่านการปรับฐานหลายปี ทั้งจากการแข่งขันด้านราคาและต้นทุนที่ผันผวน อย่างไรก็ตาม ยังไม่เห็นสัญญาณของวัฏจักรการเติบโตใหม่อย่างชัดเจน โดยการเติบโตปีหน้าจะมาจากการจัดการต้นทุน การคุม SG&A และการปรับสินค้ามาร์จิ้นสูง มากกว่าการเพิ่มยอดขาย
นโยบายรัฐ: งบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในฐานราก และการซ่อมแซมหลังน้ำท่วมในภาคใต้ จะช่วยพยุงผลประกอบการในระยะสั้น แต่ยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันให้ทั้งอุตสาหกรรมกลับเข้าสู่รอบขาขึ้น
โดยผลสำรวจ Primary Research EP.4 ยังสะท้อนชัดว่า ผู้บริโภคยังเลือกใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง โดยมีเพียงประมาณ 11% เท่านั้นที่มีแผนเพิ่มการใช้จ่ายด้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ซึ่งตอกย้ำว่าการใช้จ่ายก้อนใหญ่ยังคงถูกเลื่อนออกไป
Fundamental view: เราให้น้ำหนักกลุ่ม HD&C ที่ “เท่ากับตลาด” มองปีหน้าเน้นการตั้งหลัก มากกว่าเติบโต
Retail Finance Sector
โอกาสเลือกซื้อหุ้น
เราประเมินแนวโน้มกำไรของกลุ่ม Retail Finance จะเติบโต 8% YoY ในปี 2026 ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่ม retail finance ปรับฐานลงมาในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จากความกังวลในด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่จะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมทางภาคใต้และปัญหาชายแดนไทย กัมพูชา อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าตลาดน่าจะกังวลมากเกินไป ทำให้เรามองว่าเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน จาก 3 เหตุผล ได้แก่
1) สินเชื่อของกลุ่มจะยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องในปีหน้า โดย MTC, SAWAD และ TIDLOR จะยังคง กลยุทธ์เน้นเติบโตสินเชื่อจำนำทะเบียนเป็นหลัก เพราะมีความเสี่ยงต่ำกว่าสินเชื่อบุคคลและเช่าซื้อมอเตอร์ไซต์และรถบรรทุก ขณะที่สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลของ KTC ยังฟื้นตัวช้า สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ Primary survey EP.4 ของเราที่พบว่าผู้บริโภคไม่อยากก่อหนี้บัตรเครดิตเพิ่มในช่วงปีใหม่
2) NIM ของกลุ่ม Retail finance จะพลิกกลับมาขยายตัวได้ในปีหน้า ผลบวกจากแนวโน้ม ดอกเบี้ยที่จะลดลงเริ่มตั้งแต่ 4Q25 เป็นต้นไป
3) คุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีในปีหน้า จากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมาแล้วราว 2 ปี ขณะที่ผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมทางภาคใต้และปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา เราประเมินว่าจะส่งผลกระทบจำกัด โดยเราปรับลดประมาณการกำไรปี 2025 ของกลุ่ม Retail Finance ลงเพียง 1% และปี 2026 ลง 2% สะท้อนการปรับเพิ่มสมมติฐาน credit cost ขึ้นเล็กน้อย
ภายหลังปรับประมาณการ เราคาดกำไรสุทธิปี 2026 ของกลุ่มจะเติบโต 8% YoY นำโดย TIDLOR, MTC, SAWAD และ KTC
Fundamental view: คงน้ำหนักการลงทุน “เท่าตลาด” และเลือก TIDLOR และ MTC เป็นหุ้น top picks จากแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี ทิศทางการเติบโตของกำไรยังดีต่อเนื่องในปีหน้า และมี valuation metrics ไม่แพง
STGT
(Visit Note)
ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย)
ราคาขายอ่อนตัว ขณะที่การแข่งขันยังอยู่ในระดับสูง
4Q25 คาดฟื้น QoQ (แต่ยังลดลง YoY) แม้ยังถูกกดดันจากราคาขายเฉลี่ยที่อ่อนตัวและผลกระทบจากน้ำท่วม ขณะที่การแข่งขัน NBR ยังกดดัน GM ด้านปี 2026 ปริมาณขายมีแนวโน้มทรงตัวได้ดี ผู้บริหารตั้งเป้าปริมาณขายปี 2026 ใกล้เคียงปี 2025 ที่ราว 40,000 ล้านชิ้น ขณะที่ต้นทุนคาดลดลง แม้ตลาดยัง oversupply เรายังมองการฟื้นตัวของกำไรไม่ชัด เพราะมีความท้าทายจากการแข่งขันสูง
Valuation: Consensus ประเมินกำไรหลักปี 2025/2026 ลดลง 21.5% และกลับมาเพิ่มขึ้น 13.7% ส่วน 4Q25 ตลาดคาดกำไรสุทธิลดลง 31% YoY กดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง
หุ้นซื้อขายที่ Forward PER 27.1x สูงกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปีที่ 19.6x แต่ Dividend yield ปี 2025 ที่ 7% น่าจะเป็นตัวค้ำราคาหุ้นได้
สรุปประเด็นจาก Quick take
PTTEP
ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม
การเข้าลงทุนในแปลง SK408 ประเทศมาเลเซีย
PTTEP ได้เข้าลงทุนในแปลง SK408 ประเทศมาเลเซีย โดย PTTEP จะมีสัดส่วนการลงทุนทางอ้อมที่ 9.998% มูลค่าเงินลงทุนอยู่ที่ราว 338m$ (คิดเป็น EV/2P reserve ที่ ราว $6-7/BOE ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของดีลอื่นๆในภูมิภาค SEA ซึ่งอยู่ที่ประมาณ $8/BOE) โดยจะใช้เงินสดในการลงทุน
View from fundamental: ข่าวดังกล่าวน่าจะสร้าง positive sentiment ต่อราคาหุ้น นอกจากนั้นความแข็งแกร่งทางการเงินของ PTTEP จะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลไว้ที่ 6-7% ได้ต่อไป เราจึงคงคำแนะนำ “ถือ”
TTB
ธนาคารทหารไทยธนชาต
TTB ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนครั้งที่ 2 ภายใต้โครงการซื้อหุ้นคืนระหว่างปี 2025-27
TTB ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงินไม่เกิน 8.9 พันล้านบาท โดยราคาซื้อหุ้นคืนในเบื้องต้นอยู่ระหว่าง 1.90-2.0 บาท/หุ้น จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนอยู่ระหว่าง 4,450- 4,684 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 4.56-4.80% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของ TTB
View from fundamental: เราประเมินว่ากรอบราคาหุ้นซื้อคืนในเบื้องต้นที่ TTB กำหนดไว้ที่ 1.90-2.0 บาท/หุ้น (ราคาหุ้น TTB ปัจจุบันอยู่ที่ 1.99 บาท/หุ้น) ไม่ได้จูงใจให้นักลงทุนขายหุ้นคืนให้ TTB มากนัก ขณะที่เราประเมินว่าแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ในกลุ่มของ TTB จะฟื้นตัวช้า ทำให้เรายังแนะนำขาย
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน