Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

SCB EIC คนไทยยุคใหม่ “เลือกเช่า” หรือ “เลือกซื้อ” (EP.3) : “Rent Your Lifestyle” ทางเลือกใหม่ในการเข้าถึงสินค้า … เมื่อการเป็นเจ้าของ กำลังถูกแทนที่ด้วยการเข้าถึง

92


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(17 ธันวาคม 2568)-----------KEY SUMMARY

โมเดลการเช่าไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการเช่าบ้านหรือเช่ารถเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ “การเข้าถึง” และลดภาระ “ความเป็นเจ้าของ”
ผู้บริโภคในปัจจุบันหันมาให้ความสำคัญกับแนวคิดที่ต้องการ "เข้าถึง" มากกว่า "ความเป็นเจ้าของสินค้า" ทำให้เกิดกระแสเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing economy) ส่งผลให้เศรษฐกิจการเช่า (Rental economy) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจแบ่งปันนี้ เติบโตขึ้นอย่างชัดเจนตามไปด้วย ขณะเดียวกัน โมเดลการเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ (เช่น สินค้าแฟชั่น อุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์จัดงาน สินค้าที่ใช้ในครัวเรือน และสินค้าเทคโนโลยี/Gadgets) ยังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยมูลค่าตลาดการเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ของโลกมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่ราว 21% ต่อปีในช่วงปี 2022-2026 ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในหลายมิติ ทั้งในด้านความยืดหยุ่นทางการเงิน ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพสูงโดยไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนมาก ความคล่องตัวและความสะดวกสบาย ที่ช่วยลดภาระในการดูแลรักษา จัดเก็บ หรือการกำจัดสินค้าที่ไม่ใช้แล้ว รวมถึงยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้ารุ่นใหม่ล่าสุด หรือสินค้าที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่เสมอโดยไม่ต้องกังวลว่าสินค้าจะตกรุ่น ตลอดจนการเข้าถึงสินค้าที่มีการใช้งานเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ แนวคิดการเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ยังมีส่วนช่วยส่งเสริมความยั่งยืนเพราะช่วยยืดอายุการใช้งานของสินค้า ลดการผลิตและลดการสร้างขยะ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความคุ้มค่า ความสะดวก และรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม


ผู้บริโภคไทยที่เคยเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ มีแนวโน้มที่จะเช่าอีกในอนาคต ขณะที่กว่า 60% ของกลุ่มที่ยังไม่เคยเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ตลาดนี้ในอนาคต


ผลสำรวจฯ ของ SCB EIC ชี้ให้เห็นว่า เหตุผลหลักในการเลือกเช่าสินค้าคือ ความคุ้มค่าในการใช้งาน ประหยัดค่าใช้จ่าย และลดภาระในการจัดเก็บหรือดูแลรักษา โดยเฉพาะสำหรับสินค้าที่ต้องการใช้เพียงครั้งคราวหรือสินค้าที่ตกรุ่นเร็ว อย่างไรก็ตาม แม้โมเดลเช่าสินค้าจะมีแนวโน้มเติบโตดี และผู้ที่เคยเช่าเกือบ 90% ก็มีความสนใจเช่าซ้ำ แต่ก็ยังมีอุปสรรคอีกหลายประการที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเช่า เช่น ราคาค่าเช่าที่สูงเกินไป ต้นทุนแฝงอื่น ๆ และความกังวลเรื่องคุณภาพ สภาพสินค้า และสุขอนามัย ซึ่งเป็นความท้าทายหลักที่ผู้ประกอบการต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นเพื่อขยายฐานลูกค้าต่อไป


พฤติกรรมการเช่าของผู้บริโภคไทยเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการขยายฐานลูกค้าผ่านโมเดลการเช่าควบคู่กับการขาย เพื่อเพิ่มรายได้อีกหนึ่งช่องทางและเป็นประโยชน์ในการวางแผนธุรกิจ


ผู้ประกอบการสามารถนำมุมมองพฤติกรรมของผู้บริโภคจากผลสำรวจของ SCB EIC ประกอบกับมุมมองอุปสรรคที่ผู้บริโภคสะท้อนออกมา เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเปลี่ยน Pain points ที่ลูกค้ากำลังเผชิญอยู่ให้กลายเป็นโอกาสในการเติบโตในระยะยาว สำหรับร้านค้าที่ขายสินค้าไลฟ์สไตล์อยู่แล้ว อาจปรับตัวไปสู่โมเดล Hybrid โดยให้ลูกค้าสามารถทดลองเช่าสินค้าเพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ นอกจากนี้ การให้เช่ายังเป็นช่องทางสำคัญในการเก็บข้อมูลเชิงลึกจากลูกค้า เพื่อนำไปวางแผนการผลิตและการตลาดในอนาคต อย่างไรก็ตาม ธุรกิจต้องแก้ไขข้อจำกัดในการเช่า เช่น สร้างความโปร่งใสในเรื่องราคา ลดค่าใช้จ่ายแอบแฝง ลงทุนในมาตรฐานคุณภาพและสุขอนามัยที่เชื่อถือได้ และพัฒนาระบบรับ-ส่งคืนสินค้าให้สะดวกสบาย เพื่อคว้าโอกาสในการเติบโตจากตลาดนี้ ขณะที่สถาบันการเงินก็มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์เฉพาะด้าน เช่น ความเชื่อมั่นและความปลอดภัยของธุรกรรม เพื่ออำนวยความสะดวกใน Sharing economy

Rent Your Lifestyle ทางเลือกใหม่ในการเข้าถึงสินค้า


ความเชื่อว่าการเป็นเจ้าของทรัพย์สินเป็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ กำลังถูกแทนที่ด้วยค่านิยมใหม่ และเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญในปัจจุบัน โดยพบว่าผู้บริโภคยุคใหม่อาจไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเป็นเจ้าของทรัพย์สินมากนัก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภค Millennials และกลุ่ม Gen Z ที่ในบางครั้ง มองว่าการเป็นเจ้าของสินค้าไลฟ์สไตล์อย่างเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา อาจจะนำมาไปสู่ภาระต่าง ๆ ที่ตามมา เช่น การดูแลรักษา การหาพื้นที่จัดเก็บ ทำให้ผู้บริโภครุ่นใหม่เริ่มหันมาเช่าสินค้าแทนการซื้อสินค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหากพูดถึงการเช่า คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการเช่าสินค้าชิ้นใหญ่ที่มีราคาแพง อย่างเช่น บ้าน หรือรถยนต์ อย่างไรก็ตาม การเช่าไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเท่านั้น แนวคิดที่ต้องการ “เข้าถึง” มากกว่า “เป็นเจ้าของ” สินค้า เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความต้องการเช่าซื้อสินค้า ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน รวมไปถึงค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น การเช่าสินค้าจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะนอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าแล้ว ยังสามารถแก้ปัญหาเรื่องการดูแลรักษา และลดพื้นที่ในการจัดเก็บของใช้ อีกทั้ง ยังช่วยลดภาระในการกำจัดหรือขายต่อเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้แล้วได้อีกด้วย

Rental economy เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ Sharing economy หรือเศรษฐกิจแบ่งปัน และเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโต โดยคาดว่ามูลค่าตลาดการเช่าในกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์โดยรวมของโลกจะเติบโตเฉลี่ยราว 21% ต่อปี ในช่วงปี 2022-2026 โดยการเติบโตของ Rental economy เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงมุมมองและพฤติกรรมการบริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งเติบโตมากับเศรษฐกิจแบ่งปันที่มีตัวเลือกที่หลากหลาย รวมไปถึงการเข้าถึงสินค้าที่มีราคาแพงได้ โดยไม่ต้องจ่ายแพง ทั้งนี้หากวิเคราะห์ถึงประเภทของสินค้าที่ผู้บริโภคมีความต้องการเช่า จะพบว่ามูลค่าตลาดการเช่าสินค้าเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับงานช่าง (DIY and Hardware) มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดการเช่า สะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการเข้าถึงเครื่องมือเฉพาะทางหรืออุปกรณ์งานช่างที่มีราคาสูง แต่มีการใช้งานที่ไม่บ่อยนัก เช่น การประกอบเฟอร์นิเจอร์ การซ่อมแซมบ้าน การเช่าจึงตอบโจทย์ด้านความคุ้มค่าและลดภาระการจัดเก็บของเหล่านี้ ขณะที่ความต้องการเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์อื่น ๆ ยังมีแนวโน้มเติบโตเช่นเดียวกัน อาทิ ของเล่น อุปกรณ์สำหรับงานอดิเรกและวิดีโอเกม (Toys, Hobbies & Video Games) รวมถึงกลุ่มสินค้าแฟชั่นประเภทต่าง ๆ ที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ราว 22% ต่อปี ในช่วงปี 2022-2026 (รูปที่ 1) สะท้อนถึงโอกาสทางธุรกิจที่สามารถเพิ่มรายได้นอกเหนือจากการขายขาดสินค้าเพียงอย่างเดียว

ทั้งนี้ในบทวิเคราะห์ฉบับนี้ จะครอบคลุม Rental economy ในกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์หมวดสินค้าแฟชั่น อุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์จัดงาน และอุปกรณ์เทคโนโลยี/Gadgets เป็นหลัก สำหรับสินค้าไลฟ์สไตล์อื่น ๆ ในหมวดที่เกี่ยวกับของใช้ในครัวเรือนและที่อยู่อาศัย เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องใช้ในบ้าน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความเรื่อง คนไทยยุคใหม่ “เลือกเช่า” หรือ “เลือกซื้อ” (EP.2) : ส่องแนวโน้มธุรกิจ “เช่าใช้” … หมัดเด็ดปลุกตลาด เครื่องใช้ไฟฟ้าให้ยั่งยืน


ท่ามกลางความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ‘การเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์’ กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และกลายเป็นโมเดลธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโต เพราะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ในหลายมิติ เช่น


1. ความยืดหยุ่นทางการเงิน (Financial flexibility) : การเช่าจะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าคุณภาพสูงหรือสินค้าพรีเมียมได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากในครั้งเดียว ทำให้สามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการความคุ้มค่าและสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย

2. ความคล่องตัวและความสะดวกสบาย (Mobility and convenience) : การเช่าจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เคลื่อนย้ายบ่อย ลดความยุ่งยากในการขนย้ายและจัดเก็บสิ่งของต่าง ๆ รวมทั้งยังลดภาระในการจัดการสิ่งของ เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมบำรุง การจัดเก็บ หรือการกำจัดสินค้าที่ไม่ได้ใช้แล้ว

3. การเข้าถึงสินค้ารุ่นใหม่ล่าสุด (Access to the latest goods) : ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือสินค้าที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ ๆ อีกทั้ง ยังเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้สินค้าใหม่อยู่เสมอ โดยไม่ต้องกังวลว่าสินค้าจะตกรุ่นหรือล้าสมัยอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถทดลองใช้ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าดังกล่าวตอบโจทย์ความต้องการของตนเองจริง ๆ

4. ความยั่งยืน (Sustainability) : การเช่าเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) เพราะช่วยยืดอายุวงจรชีวิตสินค้า (Product life cycle) ให้นานขึ้น และลดความจำเป็นในการผลิตใหม่ ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการลดการก่อขยะ เพราะเมื่อสินค้าถูกใช้ซ้ำและหมุนเวียนอยู่ในระบบ จะช่วยลดปริมาณขยะและลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการผลิตและการกำจัดสินค้า

ทั้งนี้เมื่อพูดถึงการเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าแฟชั่นอย่าง เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องแต่งกายต่าง ๆ มักจะเป็นสินค้ากลุ่มแรก ๆ ที่ผู้บริโภคทั่วไปนึกถึง ซึ่งแม้ว่าการเช่าสินค้าเหล่านี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่ก็มีโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย และมีการยกระดับบริการเช่าให้แตกต่างไปจากเดิม หนึ่งในนั้นคือ Nuuly ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม “เช่าเสื้อผ้าแบบสมัครสมาชิกรายเดือน” ที่ก่อตั้งขึ้นโดยบริษัท Urban Outfitters ในปี 2019 ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงคลังเสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่มีทั้งสินค้าของบริษัทเอง และสินค้าจากแบรนด์พันธมิตรต่าง ๆ ซึ่ง Nuuly จะแตกต่างจากร้านเช่าชุดทั่วไปที่มักเน้นชุดสำหรับโอกาสพิเศษอย่างชุดราตรี แต่ทางร้านจะเน้นเสื้อผ้าที่สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน และมีสไตล์ที่หลากหลายมากขึ้น โดย Nuuly จะคิดค่าบริการที่ 98 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (หรือประมาณ 3,200 บาท) ต่อการเช่าสินค้า 6 ชิ้น/เดือน (รวมค่าบริการจัดส่งและการซักรีดแล้ว) ซึ่งต่ำกว่าค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าหมวดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายโดยเฉลี่ยของคนอเมริกัน โดยจากข้อมูลของ Bureau of Labour Statistics ของสหรัฐฯ พบว่าชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่จะใช้จ่ายในหมวดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายประมาณ 123 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (หรือประมาณ 4,000 บาท) ซึ่งโมเดลธุรกิจของ Nuuly จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าใหม่ ๆ ได้มากขึ้นด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการซื้อสินค้าและยังช่วยลดภาระในการจัดเก็บเสื้อผ้าอีกด้วย และหากผู้เช่าพึงพอใจในสินค้า ก็ยังสามารถซื้อเสื้อผ้าชิ้นนั้นได้พร้อมส่วนลดพิเศษ แต่หากต้องการส่งคืนก็สามารถส่งกลับให้ทางร้านเพื่อรอรับสินค้ารอบเดือนถัดไป ซึ่งโมเดลธุรกิจดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดี ส่งผลให้ Nuuly มีรายได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2024 มีรายได้กว่า 378 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำไรอยู่ที่ราว 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีจำนวน Subscribers
มากถึงกว่า 300,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปีก่อนหน้า โดยบริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ของปี 2025 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

นอกจากนี้ ร้านค้าที่ขายสินค้าตกแต่งและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยรายใหญ่อย่าง Home Depot หรือ Lowe’s เองก็ปรับตัวและขยายกลุ่มลูกค้า โดยเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดการเช่าสินค้าเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับงานช่าง (DIY and Hardware) เช่นกัน ซึ่งโมเดลการเช่าถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้ และยังเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความคุ้มค่าและความยืดหยุ่นในการใช้งานเครื่องมือเฉพาะทางซึ่งมีราคาสูงแต่ใช้งานไม่บ่อย

แม้ว่าการเช่าสินค้าแฟชั่น จะเป็นธุรกิจให้เช่าซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุด แต่ Rental economy ก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแต่สินค้าแฟชั่นอย่างเสื้อผ้าเท่านั้น แต่กำลังขยายตัวไปยังกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์อื่น ๆ มากขึ้น ตั้งแต่สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันเรื่อยไปจนถึงอุปกรณ์เฉพาะทาง ทั้งนี้จากผลสำรวจพฤติกรรมการเช่าของผู้บริโภคชาวไทยโดย SCB EIC Consumer survey ที่ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม – 8 มิถุนายน 2025 โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจทั้งสิ้น 2,321 คน ภายใต้หัวข้อ “สำรวจใจคนไทยยุคใหม่ ‘เลือกเช่า’ หรือ ‘เลือกซื้อ’” โดยสอบถามความเห็นของผู้บริโภคที่เคยเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ พบว่ามีสัดส่วนของผู้ที่เคยเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ในหมวดหมู่ของสินค้าแฟชั่น (เช่น เสื้อผ้า, กระเป๋า และสินค้าแบรนด์เนม) มากที่สุดในกลุ่มผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย โดยอยู่ที่ราว 62% รองลงมาเป็นกลุ่มสินค้าอุปกรณ์จัดงาน เช่น โต๊ะ, เก้าอี้, เวที และเครื่องเสียง เป็นต้น อยู่ที่ราว 39% ขณะที่สัดส่วนของผู้บริโภคที่เคยเช่าอุปกรณ์กีฬาอยู่ที่ราว 27% และตามมาด้วยสัดส่วนของผู้ที่เคยเช่ากลุ่มอุปกรณ์เทคโนโลยี/Gadget อย่างโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป ที่ประมาณ 24% นอกจากนี้ ยังมีสินค้าไลฟ์สไตล์อื่น ๆ ที่ผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าเคยเช่า เช่น อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันอยู่ที่ราว 2% (รูปที่ 2)

 


ส่องพฤติกรรมการเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคไทย

 

จากผลสำรวจ SCB EIC Consumer survey พบว่า หนึ่งในเหตุผลหลักที่ผู้บริโภคเลือกเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ คือความคุ้มค่าในการใช้งาน โดยเฉพาะสินค้าที่มีความต้องการใช้เพียงครั้งคราวหรือใช้เฉพาะในโอกาสพิเศษเท่านั้น เช่น ชุดราตรีสำหรับงานเลี้ยง ชุดอุปกรณ์ดำน้ำที่ใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ หรืออุปกรณ์จัดงานอิเวนต์ ซึ่งในกรณีเหล่านี้การเช่าถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าอย่างมาก เพราะช่วยให้ผู้บริโภคได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการโดยไม่ต้องลงทุนซื้อมาเพื่อเก็บไว้เฉย ๆ หลังจากใช้งานเสร็จแล้ว เหตุผลถัดมาคือ การประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะการเช่าช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพสูงหรือสินค้าแบรนด์เนมราคาแพงในราคาที่จับต้องได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นและต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ผู้บริโภคเลือกเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์คือ การลดภาระในการจัดเก็บและบำรุงรักษา เพราะการเป็นเจ้าของสินค้าบางประเภทโดยเฉพาะสินค้าที่มีขนาดใหญ่หรือต้องการการดูแลรักษาเป็นพิเศษอย่างอุปกรณ์กีฬา หรืออุปกรณ์จัดงาน อาจสร้างภาระด้านพื้นที่จัดเก็บและความกังวลเรื่องการเสื่อมสภาพ ดังนั้น การเช่าจึงเข้ามาช่วยตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ได้

 


นอกจากนี้ หากวิเคราะห์เจาะลึกลงไปในแต่ละประเภทสินค้า จะพบว่าเหตุผลในการเช่าอาจแตกต่างกันไปตามลักษณะและรูปแบบการใช้งาน โดยสำหรับสินค้าประเภทเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น พบว่าเหตุผลหลักที่คนไทยเลือกเช่า คือเรื่องความคุ้มค่าของการใช้งานและลดภาระการจัดเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยให้สามารถสวมใส่ชุดใหม่ได้สำหรับทุกโอกาส โดยไม่ต้องลงทุนซื้อชุดใหม่ที่มีราคาแพง อีกทั้ง ยังทำให้สามารถเข้าถึงสินค้าแฟชั่นแบรนด์หรูที่ปกติแล้วเข้าถึงได้ยากอีกด้วย ส่วนกลุ่มอุปกรณ์กีฬาและอุปกรณ์จัดงาน นอกจากเหตุผลหลักในเรื่องความคุ้มค่าเนื่องจากสินค้าเหล่านี้มีราคาที่ค่อนข้างสูงแล้ว ยังลดภาระในการจัดเก็บซึ่งจำเป็นต้องใช้พื้นที่มากอีกด้วย ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยในคอนโดมิเนียมซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ ขณะที่สำหรับกลุ่มอุปกรณ์เทคโนโลยี หรือ Gadget นั้น นอกจากเรื่องความคุ้มค่าแล้ว เหตุผลสำคัญอีกประการ คือการที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเช่าจึงช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอุปกรณ์รุ่นล่าสุดได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสินค้าตกรุ่นและราคาที่ตกลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งยังเหมาะสำหรับการทดลองใช้งาน หรือการใช้งานในโอกาสหรือโปรเจกต์พิเศษในระยะสั้น ๆ อีกด้วย

นอกเหนือจากเหตุผลหลักข้างต้นแล้ว ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เข้ามาสนับสนุนให้การเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ได้รับความนิยมมากขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ที่ช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกว่าได้มีส่วนร่วมในการลดขยะและการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ หรือแม้แต่ความสะดวกสบายของแพลตฟอร์มการเช่าที่ให้บริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การจัดส่ง การทำความสะอาด ไปจนถึงการรับสินค้าคืน ซึ่งทำให้กระบวนการเช่าง่ายขึ้น

อย่างไรก็ดี แม้ว่าโมเดลการเช่าจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคและกำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่ก็ยังมีอุปสรรคและข้อจำกัดอีกหลายประการที่ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนยังคงมีความกังวล
และลังเลที่จะใช้บริการนี้ ตัวอย่างเช่น ค่าบริการเช่าที่สูงเกินไป เมื่อเทียบกับความรู้สึกว่าสินค้ามีมูลค่าลดลงหลังการใช้งานแล้ว หรือในบางกรณี ราคาเช่าสินค้ากลับใกล้เคียงกับราคาซื้อขาดในช่วงโพรโมชัน ซึ่งทำให้ผู้บริโภคอาจไม่รู้สึกถึงความคุ้มค่าในการเช่า นอกจากนี้ ในบางกรณีการเช่ายังมีต้นทุนอื่น ๆ แอบแฝงอยู่ด้วย เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าทำความสะอาด หรือค่าปรับในกรณีที่เกิดความเสียหายกับสินค้าหรือมีความสกปรกเพียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมเพิ่มขึ้น จนผู้บริโภคอาจมองว่าไม่คุ้มค่ากับการเช่า นอกจากนี้ อีกประเด็นสำคัญที่สร้างความกังวลใจในการเลือกเช่าสินค้า คือเรื่องคุณภาพ สภาพสินค้า และสุขอนามัย ซึ่งมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ยังคงกังวลว่าสินค้าที่ได้รับจะอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความสะอาดมากเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสินค้าที่ต้องสัมผัสกับร่างกายอย่างเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย ซึ่งความไม่มั่นใจในประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ ถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกหันหลังให้กับบริการเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์บางประเภท

นอกจากอุปสรรคหลัก ๆ ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นข้อจำกัดในการตัดสินใจร่วมด้วย อาทิ นโยบายการเช่าและคืนสินค้าที่ไม่ชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคไม่แน่ใจในเงื่อนไขการใช้บริการ หรือในบางครั้งตัวเลือกของสินค้าก็ไม่หลากหลายเพียงพอ ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถหาสินค้าที่ตรงตามความต้องการได้ รวมไปถึงความไม่คุ้มค่าในด้านการขนส่ง ทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการรับหรือส่งคืนสินค้า ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าไม่คุ้มกับความพยายามหรือเวลาที่เสียไป

อย่างไรก็ดี หากเจาะลึกลงไปในแต่ละประเภทสินค้า จะพบว่าปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้มีความสำคัญแตกต่างกันไป สำหรับสินค้าแฟชั่นและเสื้อผ้า อุปสรรคสำคัญอันดับแรกคือเรื่องของราคาค่าเช่าที่อาจสูงเกินไป ตามมาด้วยความกังวลเรื่องคุณภาพ สภาพ และความสะอาดของสินค้า ซึ่งเป็นปัจจัยที่ละเอียดอ่อนและส่งผลต่อความรู้สึกของผู้สวมใส่


ในส่วนของอุปกรณ์กีฬา และอุปกรณ์จัดงาน อุปสรรคหลักคือราคาค่าเช่าที่สูงและต้นทุนแอบแฝงในการรับส่งสินค้า รวมถึงความกังวลเรื่องสภาพของอุปกรณ์ว่ามีความสมบูรณ์และพร้อมใช้งานหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการใช้งานจริง ขณะที่อุปกรณ์เทคโนโลยี หรือ Gadget เช่น กล้องถ่ายรูปหรือคอมพิวเตอร์ อุปสรรคสำคัญนอกเหนือจากราคา คือเรื่องของต้นทุนแอบแฝงในการประกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และความกังวลเรื่องคุณภาพของอุปกรณ์ที่ได้รับว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่ ซึ่งหากเกิดความผิดพลาดก็อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของผู้ใช้เป็นอย่างมาก

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจในเรื่องช่องทางการเช่าที่ผู้บริโภคเลือกใช้ พบว่าการเช่าสินค้าผ่านหน้าร้านของผู้ให้บริการยังคงเป็นช่องทางหลักที่ผู้บริโภคเลือกใช้ เนื่องจากลูกค้าได้เห็นและทดลองใช้สินค้าจริงได้ด้วยตัวเอง ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพและสภาพของสินค้าได้มากกว่าช่องทางอื่น ๆ รองลงมาคือ ช่องทาง Social media ของร้านค้าให้เช่า เช่น Facebook และ Instagram ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะผู้บริโภคชาวไทยคุ้นเคยกับการสื่อสารและสอบถามข้อมูลกับร้านค้าผ่านช่องทางเหล่านี้โดยตรง ในทางกลับกันการเช่าผ่านเว็บไซต์ของร้านค้ากลับไม่ได้รับความนิยมมากนัก ซึ่งอาจเป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยที่คุ้นเคยกับการติดต่อสื่อสารกับร้านค้าผ่าน Social media มากกว่าการเข้าชมเว็บไซต์ร้านค้า ส่วนช่องทางที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุดคือ แอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มที่ทำหน้าที่จับคู่ผู้เช่าและผู้ให้เช่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะแพลตฟอร์มเหล่านี้ยังมีจำนวนไม่มากนักในตลาดไทย

ผู้บริโภคที่เคยมีประสบการณ์การเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์แล้ว มีแนวโน้มที่จะกลับมาใช้บริการซ้ำสูงมาก ผลสำรวจชี้ว่าเกือบ 90% ของผู้ที่เคยเช่ามีแนวโน้มที่จะเช่าสินค้าเพิ่มเติม โดยกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ สินค้าแฟชั่นและเสื้อผ้า ตามด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยี อุปกรณ์จัดงาน และอุปกรณ์กีฬาตามลำดับ สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อผู้บริโภคเปิดใจให้กับ Rental economy แล้วก็พร้อมที่จะขยายการใช้งานไปยังสินค้าในหมวดหมู่อื่น ๆ ในอนาคต

สำรวจแรงจูงใจและอุปสรรคของผู้บริโภคกลุ่ม “เลือกเช่า VS เลือกซื้อ”


แม้ว่าการเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์กำลังเป็นเทรนด์ของคนยุคใหม่ และมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่เคยใช้บริการแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีผู้บริโภคอีกจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่ยังไม่เปิดใจใช้บริการเช่าสินค้าเหล่านี้ ทั้งนี้ผลสำรวจ SCB EIC Consumer survey ภายใต้หัวข้อ “สำรวจใจคนไทยยุคใหม่ ‘เลือกเช่า’ หรือ ‘เลือกซื้อ’” พบว่าราว 50% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ยังไม่เคยเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ อย่างไรก็ดี ในจำนวนนี้ผู้ตอบแบบสอบถามที่ให้ความเห็นว่า ตนเองมีแนวโน้มที่จะเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ในอนาคตมีประมาณ 62% สะท้อนว่าตลาดนี้ยังมีโอกาสเติบโตสูงจากกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีศักยภาพและเปิดใจรับโมเดลเช่าสินค้า นอกจากนี้ หากเจาะลึกลงไปในกลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้สนใจเช่ามากที่สุด พบว่าอันดับหนึ่งคือ อุปกรณ์เทคโนโลยี อย่างคอมพิวเตอร์หรือกล้องถ่ายรูป เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีราคาแพงและมีการตกรุ่นเร็ว รองลงมาคือ สินค้าแฟชั่นและเสื้อผ้า อุปกรณ์จัดงาน ขณะที่อุปกรณ์กีฬา เป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจน้อยที่สุด โดยพบว่า ปัจจัยที่ดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคกลุ่มนี้มากที่สุดคือ ความคุ้มค่าของการใช้งาน รองลงมาคือ การลดต้นทุนในการเก็บรักษา เนื่องจากสินค้าบางประเภทใช้พื้นที่จัดเก็บมากหรือต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การเช่าจึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความคล่องตัวและหลีกเลี่ยงภาระเหล่านี้ได้ ตามมาด้วยปัจจัยด้านการประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้พวกเขามองเห็นว่าการเช่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มที่เคยเช่ามาก่อนที่ให้ความสำคัญกับการประหยัดค่าใช้จ่ายมาเป็นลำดับที่สอง

ผลสำรวจพบว่า แรงจูงใจหลักของกลุ่มที่เคยเช่าและกลุ่มที่ไม่เคยเช่าแต่สนใจที่จะลองใช้บริการนั้นมีความคล้ายคลึงกัน โดยในกลุ่มสินค้าเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา และอุปกรณ์จัดงาน ผู้บริโภคทั้งสองกลุ่มให้ความสำคัญกับปัจจัยหลัก 3 อันดับแรกในลำดับที่ใกล้เคียงกัน แต่สำหรับอุปกรณ์เทคโนโลยี อย่างคอมพิวเตอร์และกล้องถ่ายรูป จะพบว่ามีบางจุดที่แตกต่าง ถึงแม้ผู้บริโภคที่เคยเช่าและกลุ่มที่ไม่เคยเช่าจะให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าในการใช้งานและการประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นอันดับต้น ๆ เหมือนกัน แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยเช่ามาก่อน ปัจจัยที่คนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญเป็นอันดับสามคือ "การลดภาระในการเก็บรักษาและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเสื่อมสภาพ" ต่างจากกลุ่มที่เคยเช่าที่ตอบว่าต้องการเข้าถึงสินค้าที่มีราคาแพง แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคที่ยังไม่คุ้นเคยกับการเช่ามองว่าการเช่าเป็นโมเดลที่ใช้เพื่อการลดภาระและความเป็นกังวลของการเป็นเจ้าของในระยะยาว หลีกเลี่ยงต้นทุนการบำรุงรักษาและสินค้าตกรุ่นเนื่องจากอุปกรณ์เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าเศรษฐกิจการเช่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีผู้บริโภคอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังคงยึดติดกับแนวคิดเดิมและไม่สนใจที่จะใช้บริการเช่า สะท้อนได้จากผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นผู้บริโภคที่ไม่เคยเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์มาก่อน และยังไม่มีแนวโน้มที่จะเช่าในอนาคต ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 38% ของจำนวนของผู้ตอบแบบสอบถามที่ตอบว่าไม่เคยเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์มาก่อน โดยผลสำรวจชี้ให้เห็นถึงเหตุผลหลักที่น่าสนใจดังนี้ ประการแรก คือความไม่คุ้นเคยกับโมเดลการเช่า ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีผลมากที่สุด เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังมองว่าการเช่าเป็นเรื่องใหม่ที่ยุ่งยากและไม่แน่ใจในขั้นตอนต่าง ๆ รวมถึงขาดประสบการณ์ตรงที่จะสร้างความมั่นใจ ประการต่อมา คือความต้องการ “ความเป็นเจ้าของ” ซึ่งเป็นค่านิยมที่ฝังรากลึกในผู้บริโภคบางกลุ่ม ทำให้มองว่าการเป็นเจ้าของสินค้านั้นคือความมั่นคงและเป็นส่วนหนึ่งของตัวตน จึงไม่รู้สึกว่าการเช่าเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้ ขณะที่ความไม่มั่นใจในคุณภาพและสุขอนามัยของสินค้า ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้ลังเล โดยเฉพาะสินค้าส่วนบุคคลอย่างเสื้อผ้า นอกเหนือจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องของความไม่สะดวกในการรับ-คืนสินค้า และต้นทุนแฝงต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมหรือค่าทำความสะอาด ที่ทำให้คนกลุ่มนี้รู้สึกว่าการเช่านั้นไม่คุ้มค่าและไม่สะดวกเท่าที่ควร (รูปที่ 6)


จากผู้เช่าสู่ผู้ให้เช่า : ผู้ใช้บริการอยากหาโอกาสเพิ่มรายได้ ปรับมาเป็นผู้ให้เช่าหรือไม่ ?
การเติบโตของธุรกิจการเช่าไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในฐานะผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโอกาสที่จะเป็น ‘ผู้ให้เช่า’ ด้วย เพราะสิ่งของที่ถูกเก็บไว้และไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ อย่างเช่น เสื้อผ้าที่แขวนทิ้งไว้ในตู้เสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ดำน้ำที่ซื้อมาแล้วใช้ไปเพียง 2 ครั้ง อาจจะเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ของผู้บริโภคยุคนี้ที่จะมองข้ามไม่ได้

ผลสำรวจแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเป็นผู้ให้เช่าไม่ได้เป็นที่นิยมในวงกว้างนัก โดยมีเพียง 2% ของผู้ตอบแบบสอบถามเท่านั้นที่เคยมีประสบการณ์นำสินค้ามาปล่อยเช่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกไปที่พฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม จะพบข้อมูลที่น่าสนใจว่าผู้ที่มีประสบการณ์เช่ามาก่อน มีแนวโน้มที่จะนำสินค้าที่ตนเองมีอยู่มาปล่อยเช่าเป็นสัดส่วนที่มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยกลุ่มผู้ที่เคยเช่าสินค้ามาแล้วมีแนวโน้มที่จะเปิดใจกับบทบาทการเป็นผู้ให้เช่า โดย 46% ให้ความสนใจที่จะนำสินค้ามาปล่อยเช่าในอนาคต สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อพวกเขาได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ของการเช่าในฐานะผู้บริโภคแล้ว ก็เริ่มมองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้จากสิ่งของที่ตนเองมีอยู่เช่นกัน ในขณะที่ผู้ที่ไม่เคยเช่าสินค้ามาก่อนอาจยังยึดติดกับแนวคิดการเป็นเจ้าของมากกว่า โดยมีเพียง 27% เท่านั้นที่สนใจจะเป็นผู้ให้เช่า ซึ่งน้อยกว่ากลุ่มแรกถึงเกือบครึ่ง (รูปที่ 7)

 


โอกาสการเติบโตของผู้ประกอบการ ด้วยการขยายฐานลูกค้าจากโมเดลการเช่า
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าไลฟ์สไตล์ไม่สามารถมองข้ามกระแส Sharing economy ไปได้ เพราะการเติบโตของธุรกิจการเช่าไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์ แต่เป็นพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปสู่การเริ่มให้คุณค่ากับ "การเข้าถึง" มากกว่า "การเป็นเจ้าของ" และกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจสำคัญที่ผู้ประกอบการอาจต่อยอดจากเศรษฐกิจการขายขาดไปสู่เศรษฐกิจการเช่า โดยผู้ประกอบการอาจมีแนวทางการปรับตัวให้เข้ากับกระแส Sharing economy ดังนี้

- ต่อยอดโมเดลธุรกิจจากการเป็นเจ้าของสู่การเข้าถึง : ผู้ประกอบการอาจพิจารณาโมเดลการให้บริการแบบ Hybrid ที่ผสมผสานการขายและการเช่าเข้าด้วยกัน เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเช่าสินค้าได้ด้วย โดยเฉพาะสินค้าที่มีแนวโน้มตกรุ่นเร็วหรือมีราคาสูง เช่น แบรนด์เสื้อผ้าสามารถเปิดบริการเช่าสินค้า Collection ใหม่ หรือร้าน Gadget อาจให้บริการเช่ากล้องถ่ายรูปรุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับช่างภาพหรือผู้ที่อยากทดลองใช้สินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งโมเดลในรูปแบบนี้จะช่วยขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่มีความลังเลหรือใช้เวลาในการตัดสินใจค่อนข้างนาน ซึ่งร้านค้าอาจสร้างบริการแบบ Subscription ที่ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้หลากหลาย ขณะเดียวกัน โมเดลนี้ยังจะช่วยให้ธุรกิจมีรายได้ที่สม่ำเสมอและคาดการณ์ได้มากขึ้น ซึ่งมีความเสถียรมากกว่าการพึ่งพารายได้จากการขายขาดแบบครั้งเดียว นอกจากนี้ โมเดลแบบ Subscription จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแตกต่างจากการซื้อที่จบในครั้งเดียว เนื่องจากการที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์เป็นประจำทุกเดือนผ่านการเลือกและใช้สินค้า จะช่วยเสริมสร้างความผูกพันและสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Customer loyalty) ในระยะยาวอีกด้วย


- การเช่าช่วยให้ร้านค้าสามารถยืดอายุการใช้งานและช่วยจัดการสต็อกสินค้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น : การให้เช่าช่วยยืดอายุการใช้งานของสินค้าให้ยาวนานขึ้น และธุรกิจสามารถสร้างรายได้จากสินค้าชิ้นเดียวได้หลายครั้ง นอกจากนี้ โมเดลการเช่ายังเป็นช่องทางในการจัดการสินค้าที่ยังอยู่ในสต็อกหรือสินค้าที่ตกรุ่นไปแล้วให้ยังคงสร้างรายได้ได้ แทนที่จะต้องขายในราคาลดกระหน่ำหรือกลายเป็นสินค้าค้างสต็อก อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการจำเป็นต้องศึกษาและวิเคราะห์ตลาดว่าสินค้าใดเป็นที่นิยมและมีความต้องการสูง เพื่อใช้ในการ บริหารจัดการพื้นที่จัดเก็บสินค้าให้เช่าอย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงจากการมีสินค้าค้างสต็อก สำหรับสินค้าที่ไม่เป็นที่นิยม ธุรกิจอาจพิจารณานำมาจำหน่ายเป็นสินค้ามือสองเพื่อเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายในด้านพื้นที่และการบำรุงรักษา


- การเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า : การให้เช่าเปิดโอกาสให้ธุรกิจได้เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงลึก (Customer insights) ที่มีค่าและนำไปสร้างโอกาสทางการค้าในอนาคต ตัวอย่างเช่น ร้านค้าสามารถนำข้อมูลการเช่ามาวิเคราะห์ได้ว่าสินค้าประเภทไหนได้รับความนิยมสูงสุด หรือสไตล์ใดที่ลูกค้าเช่าบ่อยที่สุด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีความละเอียดกว่าข้อมูลยอดขายทั่วไปเนื่องจากการเช่ามักต้องมีการลงทะเบียนขอข้อมูลลูกค้าที่ละเอียดกว่าการขายทั่วไป ทำให้สามารถได้ข้อมูลเชิงลึกที่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการวางแผนการผลิต การพัฒนาสินค้า การบริหารสินค้าคงคลัง และการทำตลาดในอนาคต โดยเฉพาะกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล หรือ Personalization รวมถึงอาจใช้เป็นช่องทางในการทดลองตลาดของสินค้าใหม่ (Market testing) ก่อนการผลิตออกขายเชิงพาณิชย์จำนวนมาก ซึ่งจะช่วยความเสี่ยงได้อีกทางหนึ่งด้วย

 


การปรับกลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค รวมไปถึงการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการเช่าที่ผู้บริโภคกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา ความเชื่อมั่น หรือความไม่สะดวกสบาย จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้ในระยะยาว ตัวอย่างการปรับกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ได้แก่
- ปรับโมเดลค่าเช่าให้มีความโปร่งใสมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ยังมีความกังวลเรื่องราคาค่าเช่าและต้นทุนแฝงอื่น ๆ โดยอาจจะกำหนดค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขการเช่าที่เข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงการคิดค่าธรรมเนียมยิบย่อย หรืออาจจะคิดค่าบริการแบบ All-inclusive ที่ครอบคลุมค่าเช่า ค่าจัดส่ง และค่าทำความสะอาดไว้ใน Package เดียว เพื่อให้ลูกค้าทราบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องก่อนการตัดสินใจ
- สร้างความเชื่อมั่นในเรื่องคุณภาพและสุขอนามัย ความกังวลเรื่องคุณภาพ สภาพสินค้าและความสะอาดเป็นอุปสรรคสำคัญและจำเป็นต้องมีการจัดการที่ชัดเจน โดยผู้ประกอบการสามารถ
 สร้างมาตรฐานที่โปร่งใส : ธุรกิจควรมีนโยบายการตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่เข้มงวดและโปร่งใส เช่น การแสดงรูปภาพจริงของสินค้าในปัจจุบัน หรือการมีจัดเกรดที่บ่งบอกสภาพของสินค้าอย่างชัดเจน
 ลงทุนในกระบวนการทำความสะอาดที่มีมาตรฐานเชื่อถือได้ : การลงทุนในเครื่องมือและกระบวนการทำความสะอาดที่ได้มาตรฐานระดับมืออาชีพ จะช่วยสร้างความมั่นใจในเรื่องสุขอนามัย และควรมีการสื่อสารให้ลูกค้ารับทราบถึงกระบวนการนี้อย่างละเอียด
- สร้างความสะดวกในการรับและส่งคืนสินค้า : ความไม่สะดวกในการรับ-คืนสินค้าเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลัก
ที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจไม่ใช้บริการการเช่า ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องกำหนดแนวทางและนโยบายในการจัดส่งและรับคืนสินค้าอย่างชัดเจน หรืออาจมีการร่วมมือกับธุรกิจอื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในจุดนี้
 การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทขนส่ง : โดยควรจับมือกับบริษัทขนส่งที่มีเครือข่ายครอบคลุม เพื่อให้บริการรับ-ส่งสินค้าถึงมือลูกค้าอย่างสะดวกและไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
 สร้างช่องทางการจัดส่ง-รับคืนสินค้าที่หลากหลาย : มีช่องทางให้ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามหรือรับ-คืนสินค้าได้ที่หน้าร้านหรือจุดบริการที่เป็น Partner กับธุรกิจ


บทบาทของสถาบันการเงินกับธุรกิจการเช่าสินค้าไลฟ์สไตล์ เศรษฐกิจการเช่าที่กำลังมีแนวโน้มเติบโต และเป็นที่นิยมมากขึ้นไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแสในฝั่งของผู้บริโภคและผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับสถาบันการเงินอย่างธนาคารพาณิชย์ในการเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจรูปแบบนี้ไปด้วยกัน

 

- ธนาคารพาณิชย์สามารถให้บริการระบบ Escrow account ซึ่งเป็นระบบการทำธุรกรรมที่สามารถช่วยคุ้มครองทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่า โดยอาจเข้าไปเป็น Partner กับธุรกิจหรือแพลตฟอร์มการให้เช่าสินค้า เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในการเช่า


- ธนาคารพาณิชย์อาจออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์การเช่าเพื่อลดความกังวลเรื่องความเสียหายของสินค้า ธนาคารสามารถร่วมมือกับธุรกิจและแพลตฟอร์มให้เช่าสินค้าเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยสำหรับสินค้าให้เช่าโดยเฉพาะ ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้งาน เพิ่มความมั่นใจให้ทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่า


- การนำข้อมูลเชิงลึกมาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า การเช่าเปิดโอกาสให้ธนาคารสามารถเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคได้ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น การประเมินความน่าเชื่อถือจากประวัติการเช่าสินค้า โดยดูจากคืนสินค้าที่เช่าตรงเวลาและไม่เคยสร้างความเสียหาย เป็นต้น ซึ่งสามารถนำมาใช้ประกอบการพิจารณาสินเชื่อในอนาคตได้ และยังช่วยให้ธนาคารสามารถเข้าถึงฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีประวัติการเงินไม่มากนัก

เศรษฐกิจการเช่า (Rental economy) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใน Sharing economy เป็นเทรนด์ที่มีศักยภาพไม่ใช่เพียงกระแสที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่เป็นโมเดลธุรกิจนี้กำลังเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคและทิศทางของธุรกิจในอนาคต เป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับทั้งผู้ประกอบการและสถาบันการเงินในการปรับตัวและเติบโตไปด้วยกัน ผู้ประกอบการสามารถนำมุมมองพฤติกรรมของผู้บริโภคจากผลสำรวจของ SCB EIC ที่ผ่านมาประกอบกับมุมมองอุปสรรคที่ผู้บริโภคสะท้อนออกมามาเป็นแนวทางในการพัฒนาธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเปลี่ยนจุดอ่อนให้กลายเป็นโอกาสในการเติบโตในระยะยาว ต่อยอดธุรกิจแบบขายขาดไปสู่โมเดล Hybrid โดยให้ลูกค้าสามารถเช่าสินค้าได้ ควบคู่ไปกับการขายปกติ จะช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มความยืดหยุ่นทางธุรกิจ ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างมาตรฐานและความมั่นใจให้กับลูกค้าในการอำนวยความสะดวกในการเช่า รวมไปถึงการรักษาความสะอาดและคุณภาพของสินค้า สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถคว้าโอกาสในการเติบโตจากตลาดนี้ได้ ขณะที่สถาบันการเงินก็มีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินและเป็นผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกใน Sharing economy

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

เล่นในกรอบ By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เชื่อว่า บ่ายวันนี้ หลัง กนง. แจ้งผลลงมติดอกเบี้ย...ตลาดหุ้นไทย คงเล่นในกรอบ แนวรับ แนว...

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้