Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

76

 

สัปดาห์นี้ หลบหุ้น TECH เข้าหุ้น VALUE


HORIZON MARKET VIEW
• ศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นกลุมเทคโนโลยีสหรัฐฯ ร่วงลงแรง นำโดย AVGO -11.4%,AMD -4.8%, ORCL -4.5%, NVDA -3.3% พร้อมกับความกังวลที่เพิ่มขึ้นจากความเสี่ยงฟองสบู่ AI หลังมีเม็ดเงินลงทุนมหาศาลทุ่มสร้างโครงสร้างพื้นฐาน แต่รายได้ยังไม่ทันต้นทุน ซึ่งมีสัญญาณเกิดขึ้นในหลายบริษัท อาทิ OPENAI วางแผนใช้เงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ในอีกไม่กี่ปี แต่รายได้ยังต่ำกว่าต้นทุนมาก, ORACLE ใช้หนี้มหาศาลสร้างศูนย์ข้อมูล เพิ่มความเสี่ยงด้านเครดิตสูงสุดตั้งแต่ปี 2552
• อีกประเด็นหนึ่งที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้คือ การประชุมของธนาคารกลางต่างๆโดยเฉพาะ BOJ (ประชุมวันที่ 19 ธ.ค. 68) ซึ่ง CONSENSUS คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย +25 BPS. สู่ระดับ 0.75% (สวนทางกับ FED ที่เพิ่งปรับลดดอกเบี้ยลง -25BPS. สู่ระดับ 3.75%) อาจเพิ่มระดับความกังวล “YEN CARRY TRADE”

 

 

REGION RADAR
•TAL EDUCATION บริษัทติวเตอร์จีนที่กำลังกลับมาเติบโต หลังบริษัทได้รับผลกระทบจากทางรัฐบาลจีนได้มีการออกกฎหมายที่ส่งผลให้บริษัทติวเตอร์ในจีนไม่สามารถทำกำไรจากการติวการสอนในวิชาหลัก อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการปรับตัวครั้งใหญ่ ส่งผลให้รายได้มีการฟื้นตัวต่อเนื่อง
• ด้าน VALUATION ในปัจจุบันของ TAL EDUCATION มีความน่าสนใจเนื่องจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ได้มีการปรับคาดการณ์กำไรขึ้นต่อเนื่องในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งราคาหุ้นมีการซื้อขายFORWARD P/E ปี 2026 ที่ระดับ 19 เท่า แนะนำเก็งกำไร TAL US

 

THAI FOCUS
• เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญปัญหา "เก่าโตช้า ใหม่ก็ไม่มา" ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาโตต่ำกว่าเพื่อนบ้านชัดเจน ส่วนเครื่องยนต์ในช่วงถัดไปเร่งไม่พอ ตัวช่วยเดิมๆ เริ่มหมดแรง (กระตุ้นการบริโภคได้น้อยลง, ท่องเที่ยวเริ่มแผ่ว,ขาดแรงหนุนจากภาคเอกชน-ภาครัฐ)
• ข้อมูลนี้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงสูงและขาดปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ๆ (NEW S-CURVE) ดังนั้น การลงทุนในประเทศอาจต้องเลือกกลุ่มธุรกิจอย่างระมัดระวัง หรือกระจายการลงทุนไปต่างประเทศที่เติบโตสูงกว่า


SYNAPSE STRATEGY
• หุ้นโลกผันผวน โดยเฉพาะหุ้น TECH ที่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามเรื่องความคุ้มค่า และความเสี่ยงในการลงทุน พร้อมกับต้องรอดูประเด็นกระแส STAGFLATION และ YEN CARRY TRADE ในสัปดาห์นี้
• หุ้นไทยรับกระแส ROTATION มาหุ้น VALUE ที่ลงมาลึก พร้อมค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แนะเก็งกำไรหุ้นมีเดีย รับการเลือกตั้งใหญ่ และผู้ว่ากทม. ในปีเดียวกัน VGI, PLANB, MAJOR รวมถึงหุ้นคาดหวังลดดอกเบี้ย TIDLOR, SAWAD, MTC, LH และหุ้นเงินหมุนเวียนช่วงเลือกตั้ง CPAXT, CPALL

 

HORIZON MARKET VIEW
ความกังวลเริ่มทะลักเข้าหุ้นกลุ่มเทคฯ
ศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นกลุมเทคโนโลยีสหรัฐฯ ร่วงลงแรง นำโดย AVGO -11.4%, AMD -4.8%, ORCL -4.5%,NVDA -3.3% พร้อมกับความกังวลที่เพิ่มขึ้นจากความเสี่ยงฟองสบู่ AI หลังมีเม็ดเงินลงทุนมหาศาลทุ่มสร้างโครงสร้างพื้นฐาน แต่รายได้ยังไม่ทันต้นทุน ซึ่งมีสัญญาณเกิดขึ้นในหลายบริษัท อาทิ
• OPEN AI วางแผนใช้เงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ในอีกไม่กี่ปี แต่รายได้ยังต่ำกว่าต้นทุนมาก ซึ่งคาดว่าจะเผาผลาญเงิน 1.15 แสนล้านดอลลาร์ จนถึงปี 2572 ก่อนจะเริ่มสร้างกระแสเงินสดในปี 2573
• ORACLE ใช้หนี้มหาศาลสร้างศูนย์ข้อมูล ทำให้CREDIT DEFAULT SWAPS (ประกันความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้) พุ่งขึ้นแตะสู่ระดับ 148 BPS. เพิ่มความเสี่ยงด้านเครดิตสูงสุดตั้งแต่ปี 2552โดยบริษัทได้มีการปล่อยเช้าเช่าเซิร์ฟเวอร์ให้กับ OPEN AI (เม็ดเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลหลายแห่งทั่วสหรัฐ ซึ่งจะใช้ไฟฟ้ากว่า 4.5 กิกะวัตต์หาก OPENAI ชะลอการเติบโต อาจทำให้ ORACLE ติดสินทรัพย์ที่ขายไม่ได้
• NVIDIA ลงทุนสูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์ สร้างความกังวลเรื่อ CIRCULAR FINANCING
• ALPHABET, MICROSOFT, AMAZON, META จะใช้เงินกว่า 4แสนล้านดอลลาร์ ใน 12 เดือนข้างหน้าขณะที่รายได้จาก AI ยังไม่ทันต้นทุน เพิ่มความเสี่ยงต่อกระแสเงินสดและการจ่ายเงินปันผล

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้คือ การประชุมของธนาคารกลางต่างๆ โดยเฉพาะ BOJ (ประชุมวันที่ 19ธ.ค. 68) ซึ่ง CONSENSUS คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย +25 BPS. สู่ระดับ 0.75% (สวนทางกับ FED ที่เพิ่งปรับลดดอกเบี้ยลง -25 BPS. สู่ระดับ 3.75%) อาจเพิ่มระดับความกังวล “YEN CARRY TRADE” หรือเกิดการดึงเม็ดเงินออกจากสหรัฐฯ และไหลเข้าญี่ปุ่นเมื่อพิจารณาข้อมูลในอดีตตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. - 16 ก.ย. 67 เงินเยนแข็งค่าขึ้น 7.8% (152.8  140.6YEN/USD) กดดันค่าเงิน ดอลลาร์อ่อนค่าลงราว 3.6% ส่วนแง่มุมของตลาดหุ้น หลังจากที่ BOJ เซอร์ไพร์สปรับขึ้นดอกเบี้ย เคยกดดัน S&P500 ผันผวนหนัก ร่วงลงราว 8.5% นอกจากนี้ในช่วงที่ BOJ ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด ยังสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่นกัน

 

REGION RADAR
TAL EDUCATION บริษัทติวเตอร์จีนที่กำลังกลับมาเติบโต
TAL EDUCATION (TAL US) บริษัทติวเตอร์ยักษ์ใหญ่จากจีนที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วงก่อน COVID ซึ่งในปี
2021 ได้เกิดจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่กับบริษัท โดยทางรัฐบาลจีนได้มีการออกกฎหมายที่ส่งผลให้บริษัทติวเตอร์ในจีนไม่สามารถทำกำไรจากการติวการสอนในวิชาหลัก อาทิ คณิตศาสตร์ อังกฤษ และจีน ส่งผลให้รายได้ของบริษัทหดตัวลงราว 80% และบริษัทประสบปัญหาขาดทุน อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางปี 2023 บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนธุรกิจครั้งใหญ่โดยเปิดตัวขายอุปกรณ์การเรียนอัจฉริยะ (SMART DEVICE) และได้รับกระแสตอบรับที่ดี ส่งผลให้รายได้เริ่มมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง

ด้าน VALUATION ในปัจจุบันของ TAL EDUCATION มีความน่าสนใจเนื่องจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ได้มีการปรับคาดการณ์กำไรขึ้นต่อเนื่องในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

 

อีกทั้งราคาหุ้นมีการซื้อขาย FORWARD P/E ปี 2026 ที่ระดับ 19 เท่า(-0.8S.D)จากเดิมที่ราคาหุ้นมีการซื้อขายที่ราว 40 เท่า เทียบกับการเติบโตของ EPS ในปีนี้ที่ระดับ 80% YOY และในปี 2026 ที่ระดับ 30% YOY แนะนำเก็งกำไร TAL EDUCATION (TAL US)

 

THAI FOCUS
หลายองค์ประกอบขับเคลื่อนเศรษฐกิจอาจชะลอลง หลังยุบสภา
สถานการณ์เศรษฐกิจไทย 10 ปีที่ผ่านมารั้งท้าย ในเอเชีย โดยเศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ยเพียง1.9% ต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน อาทิเวียดนาม (6.1%), จีน (5.8%), ฟิลิปปินส์ (4.7%), อินโดนีเซีย (4.2%) และมาเลเซีย (3.9%) เป็นต้น ขณะที่ภาพรวมระยะถัดไปยีงบ่งชี้ว่า "เครื่องยนต์เศรษฐกิจหลักกำลังดับลง ตามส่วนประกอบของ GDP (การบริโภค, การลงทุน, การใช้จ่ายรัฐ, และการท่องเที่ยว)มาตรการกระตุ้นการบริโภค (C) "หมดฤทธิ์" โดยโครงการ "คนละครึ่ง" ในอดีต (เฟส 1-5) เคยช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้รวมๆ ประมาณ 1.15% ของ GDP แต่โครงการใหม่ๆ อย่าง "คนละครึ่งพลัสเฟส 1-2" มีขนาดเล็กลงมาก วงเงินรวม 64,000 ล้านบาท คาดกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.15%ต่อปี หรือ 0.6% ต่อไตรมาส อีกทั้งคนละครึ่งพลัสเฟส 2 ยังไม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง(ในช่วงต้นปี 69) ยิ่งเป็นปัจจัยฉุดรั้งการบริโภคในประเทศ

การท่องเที่ยว (TOURISM) "ชะลอตัว" แม้การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวจาก COVID-19แต่คาดการณ์ปี 2568 (2025)จำนวนนักท่องเที่ยวอาจจะลดลง -2.8%YOY (เหลือ 34.5 ล้านคน) ตัวเลขยังไม่กลับไปจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำได้เกือบ 40 ล้านคนในปี 2562

 

การลงทุนภาคเอกชน (I) "หยุดชะงัก" ในช่วง 10 ปีล่าสุด การลงทุนภาครัฐโตดี (+4.5%) แต่การลงทุนภาคเอกชน(ซึ่งมีสัดส่วนถึง 73% ของการลงทุนทั้งหมด) กลับโตต่ำมาก เฉลี่ยเพียง +0.9% ต่อปี (เทียบกับอดีตที่เคยโต4.1%) สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องฟื้นฟูการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานของประเทศงบประมาณภาครัฐ (G) "ตึงตัว" งบปี 2569 มีข้อจำกัด หากมีการใช้งบไปกับโครงการขนาดใหญ่ (เช่น DIGITALWALLET) จะทำให้เหลืองบลงทุนปกติที่โตได้จำกัด(-11.2%YOY) อีกทั้งสถิติชี้ว่า ในช่วงที่มีการยุบสภาหรือเปลี่ยนผ่านรัฐบาล การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐฯมักจะสะดุดและชะลอตัวลง

 

สรุป เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญปัญหา "เก่าโตช้า ใหม่ก็ไม่มา" โดยเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าเพื่อนบ้านชัดเจนมาเป็น10 ปี ขณะที่เครื่องยนต์ในช่วงถัดไปเร่งไม่พอ ตัวช่วยเดิมๆ เริ่มหมดแรง (กระตุ้นการบริโภคได้น้อยลง, ท่องเที่ยวเริ่มแผ่ว) ขาดแรงหนุนจากภาคเอกชนที่ไม่ยอมลงทุนเพิ่ม และภาครัฐก็มีงบจำกัดในการเบิกจ่าย ข้อมูลนี้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงสูงและขาดปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ๆ (NEW S-CURVE) ดังนั้น การลงทุนในประเทศอาจต้องเลือกกลุ่มธุรกิจอย่างระมัดระวัง หรือมองหาโอกาสกระจายการลงทุนไปต่างประเทศที่เติบโตสูงกว่า

SYNAPSE STRATEGY
หาหุ้นไทยมีปัจจัยบวกหนุน รับความผันผวนหุ้นโลกในสัปดาห์นี้
หุ้นโลกผันผวน โดยเฉพาะหุ้น TECH ที่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามเรื่องความคุ้มค่า และความเสี่ยงในการลงทุนพร้อมกับต้องรอดูประเด็นกระแส STAGFLATION และ YEN CARRY TRADE ในสัปดาห์นี้ขณะที่เห็นการสลับมาซื้อสุทธิหุ้น VALUE ขนาดเล็ก รวมถึงหุ้นที่มี PROFIT MARGIN ต่ำๆ หลบความผันผวน และรับกระแสบวกจากFED การลดดอกเบี้ย


ภาพรวมตลาดหุ้นไทยก็เป็นแบบเดียวกัน รับกระแสขายหุ้นอิง TECH แล้ว ROTATION มาหุ้น VALUE ที่ลงมาลึกพร้อมค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยุ่ที่ 31.5 บาท/เหรียญ มีโอกาสเห็น FUND FLOW หนุนต่อ โดยกลุ่มหุ้นที่ขึ้นมาเด่นในช่วงนี้ คือ MEDIA, FIN, PETRO, CONMAT, AGRI, HELTH เป็นต้น

กลยุทธ์แนะเก็งกำไรหุ้นมีเดีย รับการเลือกตั้งใหญ่ และผู้ว่ากทม. ในปีเดียวกัน VGI, PLANB, MAJOR รวมถึงหุ้นคาดหวังลดดอกเบี้ย TIDLOR, SAWAD, MTC, LH และหุ้นเงินหมุนเวียนช่วงเลือกตั้ง CPAXT, CPALL

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SSP รับโล่ประกาศเกียรติคุณองค์กรนำร่อง CALO มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero

SSP รับโล่ประกาศเกียรติคุณองค์กรนำร่อง CALO มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero

ฐานที่มั่น By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง ขอให้นักลงทุน อยู่ในฐานที่มั่น ประจำการ บริเวณหุ้น ตรงแนวรับ แนวต้าน ด้วยสถานการณ์การสู้รบ .....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้