Pi Daily นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา ตามกำหนดการคาดว่าจะเลือกตั้งในช่วงต้นเดือน ก.พ. ระยะสั้นอาจสร้างผันผวนให้กับตลาด จากความกังวลนโยบายต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่า Downside ไม่ลึก เพราะท้ายที่สุดตลาดจะคาดหวังกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ สถิติชี้ว่ากลุ่มที่ Outperform ในช่วงก่อนและหลังเลือกตั้งได้แก่ค้าปลีกและสื่อสาร

 

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 646 จุด (+1.3%) แรงหนุนหลักยังมาจากความหวังว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.5% หลังสหรัฐฯ รายงานสต็อกน้ำมันดิบมากกว่าตลาดคาดการณ์

 

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ 2.36 แสนรายแย่กว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 2.2 แสนราย แต่อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่ม Technology ส่วนใหญ่ปรับลงจากการที่ Oracle รายงานรายได้น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้พร้อมกับงบลงทุนมหาศาลในการสร้าง Data Center แต่นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าการลงทุนมหาศาลขนาดนี้อาจเกินตัวไปหรือไม่ กดดันหุ้นในกลุ่มเกี่ยวข้องอย่าง Alphabet NVIDIA ในเวลาเดียวกันพบว่าเงินไหลเข้ากลับไปยังหุ้น Old Economy อย่าง VISA +6% Master Card +4.5% หลังจากทราบปัจจัยทั้งหมดพบว่า US Bond Yield ลดลงต่อเนื่อง สอดคล้องกับ Dollar Index ที่ทยอยอ่อนค่าต่อเนื่อง เมื่อกลับมาที่ปัจจัยในประเทศช่วงกลางคืนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ประกาศยุบสภา ภายหลังจากยุบสภานั้นจำเป็นจะต้องจัดการเลือกตั้งภายในช่วง 45 – 60 วัน ซึ่งคาดการณ์กันว่าช่วงเลือกตั้งจะอยู่ในช่วงปลายสัปดาห์แรกของเดือน ก.พ. 26 จากนี้จนถึงกว่าจะได้รัฐบาลใหม่รัฐบาลชุดเดิม แต่อย่างไรก็ตามการออกโครงการต่างๆ ที่เป็นโครงการต่อเนื่องถึงรัฐบาลชุดใหม่จะทำไม่ได้ ดังนั้นเป็นไปได้มาตรการ TISA ที่เคยพิจารณาก็อาจถูกยกเลิกออกไปจนกว่ารัฐมนตรีคลังคนใหม่จะเข้ามาดูแล ระยะสั้นนักลงทุนอาจมองความไม่แน่นอนของการเมืองเป็นหลักพร้อมกับอาจเลือกขายทำกำไรหุ้นออกมาแต่ก็เชื่อว่าภาวะนี้จะอยู่ไม่นานและนักลงทุนจะกลับมาพิจารณาว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเตรียมออกมาตรการกระตุ้น สถิติที่ผ่านมาตลาดหุ้นมักจะปรับขึ้นก่อนการเลือกตั้งโดยกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนเด่นในช่วงเลือกตั้งทั้งก่อนและหลังเลือกตั้งได้แค่ค้าปลีก สื่อสาร หากระยะสั้นตลาดเกิดอาการ Panic มองเป็นโอกาสเข้าสะสมในหุ้นกลุ่มข้างต้นนอกจากนี้ธนาคารพาณิชย์ก็เป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจด้วยเงินปันผลสูงผสานกับราคาหุ้นไม่แพง (คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญต้องติดตาม) วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1245 – 1260 ระยะสั้นความไม่แน่นอนจากปัจจัยการเมืองอาจกดดันตลาดหุ้นแต่เชื่อว่า Downside ไม่เยอะมากเพราะในท้ายที่สุดก็จะมีความคาดหวังเกี่ยวกับรัฐบาลชุดใหม่ผสานกับนโยบายกระตุ้นต่างๆ ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนหากปรับฐานมองเป็นโอกาสเข้าสะสมเน้นที่หุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL SCB) การเงิน (MTC TIDLOR) ท่องเที่ยว (CENTEL MINT)

 

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 68.00 บาท)

รายงานกำไรสุทธิ 3Q25 ที่ 6.6 พันล้านบาท (+18%YoY) และมีกำไรปกติ 6.5 พันล้านบาท (+4%YoY, -8%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราและBB consensus คาด กำไรโต YoY หนุนจากการขยายสาขาและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 10 bps YoY แม้ว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ 7-11 จะลดลง 0.5% YoY

 

MTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 48.00 บาท)

คาดกำไรสุทธิปี 2025 เติบโตต่อเนื่อง 14% YoY หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นล้อกับสินเชื่อที่ขยายตัว ขณะที่ Credit cost แนวโน้มผ่อนคลายลงจากการควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย คาด Credit cost ลดลงที่ 245/241 bps ในปี 2025-26