STECON : ผลประกอบการคงแข็งแกร่งหลัง 3Q ชะลอตัว

คาดฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลัง 3Q ชะลอตัวชั่วคราว
เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อ STECON ด้วยแรงหนุนจาก backlog ที่แข็งแกร่ง อัตรากำไรที่ดี และการกระจายการลงทุนเชิงกลยุทธ์ กำไรใน 3Q35 อ่อนตัวลง QoQ เนื่องจากความล่าช้าของโครงการเด่นชัยและการส่งมอบ data center แต่ยังคงคาดการณ์รายได้ทั้งปีที่ 3.2 หมื่นล้านบาท ผู้บริหารคาดการณ์ว่าการเร่งตัวที่แข็งแกร่งใน 4Q จะบรรลุเป้าหมายความสำเร็จ ซึ่งจะผลักดันการเติบโตทั้ง YoY และ QoQ สำหรับปี 2026F ตั้งเป้ารายได้จากการก่อสร้างไว้ที่ 3.4-3.5 หมื่นล้านบาท โดยคาดการณ์สูงสุดไว้ที่ 3.8-3.9 หมื่นล้านบาท backlog อยู่ที่ 1.265 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชัดเจนให้กับผลประกอบการในปี 2026 แม้ว่าการยุบสภาอาจทำให้การลงนามสัญญาโครงการภาครัฐใหม่ๆ ล่าช้าออกไป แต่ STECON ยังคงได้รับแรงหนุนจาก backlog จำนวนมาก และโครงการก่อสร้างภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง แนะนำ "ซื้อ"

การกระจายธุรกิจและงานภาคเอกชนช่วยลดความเสี่ยง
คำสั่งซื้อใหม่ ณ สิ้นปี (YTD) อยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท เทียบกับเป้าหมาย 5.0 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจไม่บรรลุเป้าหมายเนื่องจากบางโครงการเลื่อนออกไปถึงต้นปี 2026 อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงที่รออยู่มูลค่า 6-7 พันล้านบาท และมากกว่า 6 พันล้านบาท จาก GULF อาจปิดตัวลงภายในปีนี้หรือต้นปีหน้า STECON กำลังเร่งขยายธุรกิจไปยังธุรกิจใหม่ ได้แก่ โครงการ data center สองโครงการที่กำลังใกล้จะปิดตัวลง อัตราการใช้ประโยชน์ของ Mars Water อยู่ที่ 70% และโครงการร่วมทุน East Water จะเพิ่มรายได้ประจำจากการจัดหาน้ำเพื่ออุตสาหกรรม บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนกำไรระหว่างธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจใหม่เป็น 50:50 ภายในห้าปี

โครงการขนาดใหญ่และความคืบหน้าโครงการช่วยสนับสนุนมุมมองภาพรวม
กำไรใน 4Q จะได้รับแรงหนุนจาก backlog ที่รอดำเนินการและการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 แห่งและโครงการ data center 1 แห่ง โอกาสในการประมูลของภาครัฐ ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 2 มูลค่า 3.41 แสนล้านบาท และโครงการรถไฟรางคู่มูลค่า 6.3 หมื่นล้านบาท แนวโน้มภาคเอกชนครอบคลุม data center (~2.4 หมื่นล้านบาท) พลังงานหมุนเวียน
(~5 พันล้านบาท) และอาคารพาณิชย์ (~4.8 พันล้านบาท) สนามบินอู่ตะเภาขยายระยะเวลาการหยุดยาวไปจนถึง 31 ธันวาคม 2025 ขณะที่เหตุการณ์น้ำท่วมไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนหลุมยุบใกล้โรงพยาบาลวชิรพยาบาลความเสียหายถูกจำกัดไว้เพียง 50 เมตร และค่าซ่อมแซมอยู่ที่ 20-30 ล้านบาท (ไม่รวมสถานีตำรวจสามเสน) ผู้บริหารคาดว่าจะได้รับความคุ้มครองประกันภัยเต็มจำนวน ดังนั้น ต้นทุนจึงไม่ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของโครงการ คาดว่าโครงการจะไม่ล่าช้าเนื่องจากการก่อสร้างยังคงดำเนินต่อไปควบคู่ไปกับการซ่อมแซม มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นจากการกลับรายการหนี้เสีย เนื่องจาก STECON กำลังเจรจากับ UJV (อดีตผู้รับจ้างออกแบบ และก่อสร้างโครงการ CFP ของไทยออยล์) เพื่อชำระหนี้

มูลค่ายังคงเดิม มีปัจจัยหนุนและความเสี่ยงที่จัดการได้
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ STECON ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมตามวิธี SOTP ที่ 10.00 บาท โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณ backlog ที่แข็งแกร่ง อัตรากำไรที่มั่นคง และการกระจายความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ ปัจจัยหนุนในระยะใกล้ ได้แก่ การปิดดีล data center การก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เสร็จสมบูรณ์ และความคืบหน้าของการประมูลโครงการขนาดใหญ่ ความเสี่ยงสำคัญยังคงอยู่ที่ความล่าช้าของโครงการ ต้นทุนเกินงบประมาณ และการรับคำสั่งซื้อที่ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้