Market Wrap-Up

• SET วันที่ 27 พ.ย.68 ปิด -47 จุด อยู่ที่ 1,252.71 จุด มูลค่าการซื้อขาย 23,180 ลบ. สถาบันขาย 669 ลบ.ต่างชาติขาย 874 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 249 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,294 บาท NVDR มียอดขายสุทธิ 55 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น BDMS,SCB,AOT,LH,SAWAD และยอดขายหุ้น ADVANC,TRUE,DELTA,TOP,BBL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,155 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CNROBOAI23,CNSEMI23,BANPU โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 1,857 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 75,610 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,033 ลบ.

 Market View

• ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปิดทำการในวัน Thanksgiving โดยสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มฟื้นตัวจากความกังวลต่อภาวะฟองสบู่ในอุต AI กอปรกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น ยอดค้าปลีก, US PPI, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, Fed Beige Book มีสัญญาณชะลอตัว ส่งผลให้ CME FedWatch ชี้มีโอกาส 9% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค. ส่วนการสรรหา ปธ.เฟดคนใหม่นั้นตลาดคาดนายเควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาของ ปธน.ทรัมป์มีโอกาสได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งจะช่วยหนุนนโยบายปรับลดดอกเบี้ยของ ปธน.ทรัมป์ ค่ำวันนี้ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการครึ่งวัน โดยนักลงทุนยังรอติดตามข้อมูลการใช้จ่ายในช่วงวันหยุด ซึ่งคาดจะเพิ่มขึ้น +6% เมื่อเทียบยอดใช้จ่ายปีก่อนที่ 8.6 พัน ล.ดอลลาร์
• Stoxx600 ยุโรป +14% ปิดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ได้แรงหนุนจากกลุ่มยานยนต์ +0.9% นำโดย Ferrari +1.5%, กลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม +0.65% ขณะที่กลุ่มเฮลธ์แคร์ -0.5% โดยตลาดได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุม ธ.ค. และยังรอผลการเจรจาข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซีย – ยูเครน หลังได้มีการปรับเงื่อนไขข้อตกลง 28 ข้อ
• ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้นิเกอิ +23% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ & AI หลังตลาดคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. กอปร ปธน.ทรัมป์ได้พูดคุยกับนายก ฯ ญี่ปุ่นให้ระมัดระวังการให้ความเห็นต่อกรณีไต้หวันกับจีน เช่นเดียวกับ Kospi เกาหลีใต้ +0.66% ได้แรงหนุนจากหุ้น Samsung Electronics +0.68%, SK Hynix +3.8% ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.29% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แต่ถูกดดันจากหุ้นกลุ่มอสังหา ฯ หลัง China Vanke -7.1% หลังบริษัทได้ผิดนัดชำระหุ้นกู้ในประเทศครั้งแรก ขณะที่ ก.กลาโหมสหรัฐได้เพิ่มรายชื่อบริษัท Alibaba, Baidu และ BYD เข้าสู่บัญชีรายชื่อบริษัทที่ให้การสนับสนุนกองทัพจีน
• SET วานนี้ -67% ปริมาณการซื้อขาย 2.31 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 669 ลบ. ต่างชาติขาย 874 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 249 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,294 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงชายกลุ่มอิเล็ก ฯ -2.84% นำโดย DELTA -2.9% ส่งผลลบต่อดัชนี -5.94 จุด เนื่องจากราคาหุ้นยังเทรดในระดับ P/E ค่อนข้างสูงที่ 125.9 X เมื่อเทียบกับ Nasdaq P/E ที่ 36.5 X ขณะที่หุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก, ไอซีที, ไฟแนนท์ และธนาคาร ก็ถูกกดดันจากภัยน้ำท่วมภาคใต้ อาจส่งผลให้ GDP ไทยในงวด Q4/68 ติดลบได้ โดย GDP ของ 10 จังหวัดภาคใต้คิดเป็นสัดส่วน 7 % ของ GDP ประเทศ และยังส่งผลกระทบด้านลบต่อการท่องเที่ยว, รายได้แรงงาน และโครงสร้างพื้นฐาน โดยภาพรวมดัชนี SET ฟื้นตัวน้อยกว่าดัชนีภูมิภาค เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยยังถูกกดดันจากผลเสียหายของภัยน้ำท่วม และยังรอประเมินความชัดเจนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ หลังเปิดสภาฯ วันที่ 10 – 11 ธ.ค..  

   Daily Strategy

• ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,240 - 1,250 แนวต้าน 1,260 - 1,270 คาดดัชนี SET ยังถูกกดดันจากผลกระทบภัยน้ำท่วม แนะนำซื้อเก็งกำไร HMPRO,DOHOME,GLOBAL,TOA จากงบซ่อมแซมช่วงภัยน้ำท่วม / กลุ่มที่คาดจะได้ประโยชน์จากการปรับเกณฑ์การซื้อหุ้นคืน KBANK,TTB,KTB,JTS / กลุ่มที่เทรดในระดับ P/E ระดับต่ำ เช่น BDMS,MINT
• TACC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.45 บาท) งวด3Q68 รายงานกำไรสุทธิ 90 ล้านบาท +14%QoQ, +48%YoY มีปัจจัยหนุนจากรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแผนการขยายสาขาของ 7-11 และร้านกาแฟพันธ์ไทย ด้าน GPM ทรงตัวในระดับ 32% แม้ต้นทุนเมล็ดกาแฟเพิ่มขึ้น QoQ เช่นเดียวกับ SG&A ที่ทรงตัวได้สะท้อนการบริหารค่าใช้จ่ายได้ดี แนวโน้ม 4Q68 คาดรายได้และกำไรเร่งขึ้นตาม seasonal ส่วนในปี 69 ตั้งเป้ารายได้โต 10-15%YoY ตามจำนวนร้านกาแฟพันธ์ไทยที่เร่งขยายสาขา ส่วน 7-11 จะเน้นเพิ่มสินค้าใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อขยายฐานลูกค้า คาดรักษา GPM 32% ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่ 310 ล้านบาท +26%YoY และ 334 ล้านบาท +8%YoY valuation ปัจจุบัน PER ราว 10 เท่า Yield 9-10%

GLOBAL* (ซื้อเก็งกำไร/ ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.90 บาท) ระยะสั้นอาจได้ Demand การซ่อมแซมหลังน้ำท่วม ด้านกำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 392 ลบ.(+8%YoY,-25%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล ส่วน YoY สามารถเป็นบวกได้แม้ SSSG -0.89%YoY แต่ชดเชยด้วยสาขาใหม่และการเพิ่มยอดสินค้าHouse Brand(ส่งผลบวกต่อ GPM) ทั้งนี้ ในส่วนของภาพการดำเนินงานปกติ 4Q68 -1Q69 คาดว่า QoQ มีโอกาสบวกได้ตามฤดูกาล ปัจจุบัน ตลาดคาดกำไรสุทธิในปี68 และ69 ของ GLOBAL* จะอยู่ที่ 2,048 ลบ.(-14%YoY) และ 2,267 ลบ.(+11%YoY)

 

Daily Key Factors

Oil Update(0) WTI ม.ค., Brent ม.ค. ปิดทำการในวันหยุด Thanksgiving

 

Gold Update(0) Comex Gold ก.พ. ปิดทำการในวันหยุด Thanksgiving

 

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -61.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -27.10 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -17.05 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -17.24 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 32.21 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.006 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +79 อยู่ที่ 2,480

(-) BitCoin เช้านี้ -0.04% อยู่ที่ 91,105 ดอลลาร์สหรัฐ

(-) Tokyo Core CPI พ.ย. อยู่ที่ 2.8% ทรงตัว

 

 Economic Calendar

 

ในประเทศ

28 พ.ย.     ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

 

ต่างประเทศ

25 พ.ย.     US ดัชนียอดขายปลีก (ก.ย.)

                US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (ก.ย.)

                US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (พ.ย.)

26 พ.ย.     US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 3) 

US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) (ก.ย.)

US ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ย.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

27 พ.ย.     US วันหยุด - วันขอบคุณพระเจ้า 

28 พ.ย.     US ปิดทำการก่อนกำหนด ณ เวลา 13:00 - วันขอบคุณพระเจ้า 

 

Theme Strategy

เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายหลักของรัฐบาลอนุทิน (รัฐบาลระยะสั้น 4 เดือน) เร่งใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick wins, วงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และ Earning momentum / Seasonal 3Q68-4Q68

 

(1) ค้าปลีก / บริโภค นโยบายคนละครึ่งพลัส – กระตุ้นกำลังซื้อ, ลดค่าใช้จ่าย CPAXT*, BJC, TNP*, KK*, MOTHER*, ICHI*, CBG*

 

(2) การเงิน / นอนแบงค์ นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่อง SME, คาดการณ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย MTC*, SAWAD*, TIDLOR*, KTC*, NCAP*, SINGER*, SGC*, FSMART*, AP*, SPALI*, CPN*, DIF*, 3BBIF*

 

(3) รับเหมาก่อสร้าง เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการก่อสร้างภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน STECON, CK, SEAFCO*, PYLON*

 

(4) ท่องเที่ยว ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ AOT, CENTEL*, ERW*

 

(5) ไอซีที / ดิจิทัล ปราบปรามภัยไซเบอร์, การลงทุนด้าน Digital, Cyber Security, Data Center ADVANC, DELTA*, GULF*, BGRIM*, BCPG*, SECURE*

 

(6) ด้านสาธารณสุข ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอและเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด KTMS*, BIZ* ลดค่ายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน การเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในซื้อยาเองได้ HL* (เก็งกำไร)

 

(7) Solar ภาคประชาชน, มาตรการลดหย่อยภาษี Solar rooftop ครัวเรือน / Direct PPA GULF*, GUNKUL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio October 2025: WHAUP*, BDMS, ADVANC, AMATA, TOP

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999 Ext  2201

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th