สรุปภาพตลาดวานนี้ หุ้นไทยบวกวานนี้ โดย DELTA-AOT-ADVANC-CPALL กอดคอขึ้น หนุนหลายกลุ่มรีบาวด์ด้วย แต่ขาลบ ที่ชัดๆ เช่น ไฟแนนซ์ ปิโตรฯ เป็นต้น

แนวโน้มตลาดวันนี้ SET เดินขึ้นบันได (ต่อ)
เดินทางมาถึงกลางสัปดาห์-เราคงคาดอิทธิพลความผันผวนในตลาดหุ้นโลก และสินทรัพย์ต่างๆ จะเริ่มส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยลดลง แถมผ่านความผันผวนจาก MSCI Rebalance รอบนี้ไปเรียบร้อย
คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้ จะเริ่มเดินขึ้นบันไดอีกครั้ง (ไม่ใช่ขึ้นบันไดเพื่อ ไปลงลิฟต์) เพราะ...
1.) เราสังเกตวอลุ่มขายช่วงที่ผ่านมาบางลงเรื่อยๆ ตอนหุ้นตก ซึ่งคาดว่าเราผ่านการปรับฐานของตลาดหุ้นโลกและสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ไปแล้ว
2.) ผ่านช่วงเวลาปรับพอร์ตของ MSCI ไปเรียบร้อย
3.) กระแสข่าวลบต่อเศรษฐกิจใหม่ๆ เหลือเพียงผลกระทบจากมหาอุทกภัยใต้ และเมื่อผ่านช่วงนี้ไปได้ เราคาดว่าจะไม่ได้มีข่าวลบใหม่ในประเทศ
4.) เริ่มต้นเดือน ธ.ค.เฟดจะยุติ QT และมีลุ้นลดดอกเบี้ยในเดือน ธค.ตามผลโพลที่สำรวจ มั่นใจแล้ว 85% เพิ่มจากสัปดาห์ก่อน 70% ลดดอกเบี้ยแน่!
ส่วนแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ ในช่วงที่เหลืออีก 1 เดือนข้างหน้าก่อนหมดปี เราคาดว่าอาจจะยังมีผลต่อแรงกดดันหุ้นไทยระยะสั้น แต่ควรจะเบาลงเมื่อเทียบกับ ปัจจัยหนุนในประเทศ เช่น การเดินหน้าสู่การเลือกตั้งในประเทศ, ปีหน้าหาก มาตรการส่งเสริมตลาดหุ้นไทยปีหน้าเริ่มใช้-เห็นผล เช่น ออมเงินในหุ้นไทยลดหย่อนภาษีโดยตรง “TISA”, โครงการ Jump plus ของทางตลท. ส่งเสริมให้ บจ.เติบโตได้ตามแผนงานที่วางไว้, ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบ โครงการ Thailand fast pass เร่งโครงการที่พร้อมลงทุนในปี 68-70 กว่า 80 โครงการมูลค่าลงทุนรวม 4.8 แสนล้านบาท เป็นต้น
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ กำเงินสดที่เหลือ 50% ทยอยเลือกหุ้นเข้าพอร์ต วันนี้เริ่มแนะนำซื้อ BGRIM!

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ “รอ” สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลง ไม่ไล่ราคา เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ เพิ่มการเล่นหุ้นตามกระแสการเก็งกำไร

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET กลับมาปิดเหนือเส้น EMA 200 วันที่ 1,260 จุด สำเร็จ คล้ายเหตุการณ์ในอดีตเคยหลุดแต่ใช้เวลาไม่นานดึงกลับทันที ส่งผลให้โมเมนตัมดัชนีมีแนวโน้มกลับตัวเปลี่ยนเป็นขาขึ้นได้อีกครั้ง (หักล้างสัญญาณ Bearish Megaphone) นอกจากนี้ RSI recovery ฟื้นตัวขึ้นจากกรอบล่าง จับตาคลื่นขาลง(ย่อย) “corrective wave “C” มีโอกาสจบรอบ “เทรนด์เปลี่ยน เกมเปลี่ยน เริ่มนับ 1”
สรุป: แนวโน้ม SET หาจุดเปลี่ยน turning point ได้สำเร็จ! ลุ้นเป้า 1,300 จุด ส่วนโซนรับอยู่ที่ 1,260 จุด
ไฮไลท์หุ้น: เมื่อ CPALL ดีดเด้งโซนรับ/ AOT ถึงรอบขึ้น!/ GULF วาง 3 เงื่อนไข ชี้จุดกลับตัว / STECON ดีดเด้งโซนรับ...ตามแผน/ CBG signal recovery

What to watch
ตลาดคาดหุ้นเพิ่มเข้าคำนวณดัชนี SET50 ม.ค.-มิ.ย.69: GLOBAL, ITC, SAWAD หุ้นออกได้แก่ BCP, KKP, VGI โดยคาดประกาศกลางเดือน ธ.ค.69 / ดัชนี SET100 คาดหุ้นเข้า BPP, CKP, SAPPE ส่วนหุ้นถูกถอด คาดได้แก่ JTS, MBK, WHAUP
เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือน ธ.ค. โดยเครื่องมือ CME Fed Watch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 85% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นเร็วมาก หลังจากที่ให้น้ำหนักไม่ถึง 40% ในช่วงก่อนหน้านี้
ครม.ไฟเขียว มาตรการกระตุ้นติดตั้งโซลาร์เซล ลดหย่อนภาษี 2 แสนบาท
"อนุทิน" แจ้งพรรคร่วมรัฐบาลสแตนด์บายรอฟังสัญญาณยุบสภา 12 ธ.ค.
ธนาคารไทยพาณิชย์ ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ รวมทั้งพื้นที่ประสบอุทกภัยจังหวัดอื่นที่ได้รับผลกระทบ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย โดยให้ความช่วยเหลือทั้งกลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการและลูกค้าผู้ประกอบการ SME ทั้งมาตรการพักชำระและสินเชื่อพิเศษเพื่อซ่อมแซมบ้านและกิจการอย่างเต็มที่

หุ้นแนะนำวันนี้
BGRIM BLS research ออกรายงาน Idea call แนะนำซื้อ BGRIM ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 22 บาท
1.) Adder ที่สภาผู้บริโภคฟ้อง เรามองว่าไม่มีผลกระทบ
2.) กำไรปีหน้ากลับมาเติบโตโดดเด่น
3.) เรื่อง PDP ไม่กระทบต่อค่าไฟของ BGRIM แม้จะล่าช้า
แนวรับ 14.2 ต้าน 15.5 Stop loss 13.5

Tactical port เพิ่ม BGRIM

รายงานพื้นฐานวันนี้

Econ

ทองคำ กดดันส่งออกไทยเดือนตุลาคม 2025 ต่ำกว่าตลาดคาด
มูลค่าส่งออกไทยเดือนตุลาคม 2025 ขยายตัวที่ 5.7% YoY ต่ำกว่าตลาดคาด จากการส่งออกทองคำที่หดตัวรุนแรง และหากหักการส่งออกทองคำแล้ว การส่งออกพื้นฐานยังเติบโตได้ดีที่ 12.6% YoY สะท้อนถึงการส่งออกที่ถูกบดบังด้วยความผันผวนของหมวดทองคำ อย่างไรก็ดี การส่งออกในเดือนตุลาคมส่งสัญญาณชะลอตัว 6.9% MoM (หักทองคำ หดตัวเล็กน้อยที่ 0.7% MoM) สะท้อนโมเมนตัมที่ชะลอ

การนำเข้าในเดือนตุลาคม 2025 ขยายตัวที่ 16.3% YoY เร่งสูงกว่าการส่งออกอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ไทยยังคงขาดดุลการค้าในระดับสูงทั้งรายเดือนและสะสม 10 เดือนแรกของปี (ขาดดุลราว 3,866.2 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ)

การเติบโตของภาคส่งออกไม่สอดคล้องกับภาคการผลิตที่ยังไม่ฟื้นตัว ชี้ให้เห็นว่าการส่งออกบางส่วนอาจมาจากการ นำเข้าเพื่อการส่งผ่านสินค้าไปยังประเทศที่ 3 (Transshipment) มากกว่าการผลิตจริงในประเทศ ทำให้ตัวเลขส่งออกไม่ได้สะท้อนความแข็งแรงของโครงสร้างอุตสาหกรรม
การส่งออกสินค้าในภาคเกษตรหดตัวชัดเจนจากแรงกดดันด้านราคา ขณะที่หมวดอุตสาหกรรมการเกษตรยังขยายตัวได้เล็กน้อย ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมซึ่งเป็นสัดส่วนหลักของการส่งออกไทยแม้ยังขยายตัว 8.8% YoY แต่หดตัวแรง 8.8% MoM
การส่งออกรถปิคอัพและรถบรรทุกขยายตัวได้ดีทั้งในตลาดเดิมอย่างออสเตรเลีย เม็กซิโก และตลาดใหม่อย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย แต่รถยนต์นั่งยังอ่อนแออย่างต่อเนื่อง

Implications: การส่งออกที่โตต่ำกว่าคาดและไม่สอดคล้องกับภาคการผลิต สะท้อนฐานภาคอุตสาหกรรมไทยที่ยังเปราะบาง ประกอบกับแรงกดดันของภาระภาษีนำเข้าในตลาดสหรัฐฯ กอรปกับโครงสร้างการส่งออกของไทยกำลังเผชิญกับภาวะการเติบโต 2 ทิศทางที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน นั่นคือ สินค้าส่งออกบางกลุ่มเติบโตเร็วและแข็งแกร่ง (อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากแรงส่งของ AI) ขณะที่บางอีกกลุ่มเติบโตต่ำกว่าศักยภาพและอ่อนแอซึ่งกลุ่มนี้ยังมีสัดส่วนอยู่มาก จึงอาจทำให้ภาพรวมการส่งออกอ่อนไหวต่อแรงเสี่ยงภายนอกมากขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบของภาษีนำเข้า
เราคาดว่าการส่งออกทั้งปี 2025 จะขยายตัวราว 10% YoY ซึ่งสะท้อนแรงส่งจากช่วง 8 เดือนแรกมากกว่าจากโมเมนตัมปลายปี ซึ่งหมายความว่าช่วงที่เหลือของปี เศรษฐกิจไทยยังเผชิญแรงกดดันจากการส่งออกที่อาจชะลอ และภาคการผลิตที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

Home Décor & Construction
มีจังหวะเก็งกำไร ในช่วงน้ำท่วม?
รายงานกลุ่ม home improvement วันนี้ เป็นลักษณะการจับจังหวะเชิงกลยุทธ์ จากประเด็นน้ำท่วมในภาคใต้ ที่จะกระทบต่อราคาหุ้นเชิงบวก ด้วยจากความคาดหวังอุปสงค์หลังน้ำท่วม สรุปเป็นประเด็น ดังนี้
1) หากย้อนดูปีที่แล้วที่น้ำท่วมภาคเหนือ กลุ่มฯ ได้รับผลกระทบโดย SSS ในเดือนที่น้ำท่วมติดลบอย่างหนัก DOHOME ติดลบถึง 10% หลังจากน้ำท่วมคลี่คลาย กลับมาที่ -6%, HMPRO -7% กลับมาที่ -5%, GLOBAL จาก -5% มาที่-3% ดังนั้น เรามองเดือนพฤศจิกายน จะเป็นจุดต่ำสุดของ SSS ใน 4Q25
2) การปิดสาขาในภาคใต้รอบนี้ กระทบดังนี้: HMPRO มี 3 สาขา ที่คิดเป็น 2–3% ของรายได้รวม,    GLOBAL มีสองสาขาที่ปิดทำการแล้ว, ILM สาขาหาดใหญ่ปิดราว 3% ของรายได้รวม ในขณะที่ DOHOME สาขาหาดใหญ่ยังเปิดได้เพราะอยู่ในพื้นที่สูงกว่า แต่ผู้ใช้บริการน่าจะลดลง ดังนั้น เรามองว่าภาพรวมของกลุ่มยังได้รับผลกระทบน้อย เทียบกับภาพรวมรายได้ของกลุ่ม
3) ราคาหุ้นปัจจุบัน ยังไม่สะท้อนรอบฟื้นตัวเหมือนปี 2024 ที่น้ำท่วมปีก่อนในภาคเหนือ ช่วงนั้น HMPRO ปรับตัวขึ้นกว่า +25% GLOBAL-DOHOME +20% ดังนั้น ปัจจุบัน ราคาปรับขึ้นมาแค่ 5-7% มองว่ายังมีโอกาสเก็งกำไรเพิ่มเติม
Our view: เราจึงได้ปรับเพิ่มคำแนะนำ GLOBAL-DOHOME ขึ้นมาเป็นการ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 8.30 และ 4 บาท ตามลำดับ และยังแนะนำซื้อ สำหรับ HMPRO และ ILM โดยเรามองว่ากลุ่มนี้ จะเล่นเก็งกำไรช่วงน้ำท่วมได้

NEO
(Visit Note)
นีโอ คอร์ปอเรท
ผู้นำสัญญาณการจับจ่ายปลายปี ในงาน Decoding Thailand’s Spending Pulse
ช่วงโค้งสุดท้ายของปี NEO เป็นหนึ่งในบริษัท FMCG ที่สะท้อนสัญญาณการจับจ่ายของผู้บริโภคไทย ทั้งจากสินค้าใช้ประจำวัน ช่องทางการขายที่กระจายตัวกว้าง และความไวต่อมาตรการรัฐ

ในรายละเอียด คาดว่าผู้บริหารประเมินว่ายอดขายในประเทศในช่วง 4Q25 จะดีขึ้นตามฤดูกาลปลายปี และได้รับแรงหนุนจากมาตรการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อ Traditional Trade ที่มีสัดส่วนรายได้ 32% และหากพิจารณาข้อมูลในอดีตสำหรับมาตรการภาครัฐผ่านการกระตุ้นการบริโภค บริษัทคาดยอดขายจะเติบโตระดับเลขสองหลัก (>10%) QoQ ใน 4Q25

นอกจากนี้ บริษัทเดินหน้าขยายสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยนวัตกรรม และกำลังการผลิตคือแกนหลักของการเติบโตต่อจากนี้ โดยมีความคืบหน้า 35% และคาดแล้วเสร็จช่วงกลางปี 2026

Consensus: ปรับประมาณการกำไรปี 2025 ลดลง ขณะที่คาดการณ์กำไรปี 2026 โตถึง 20% YoY ปัจจุบัน NEO เทรด PER 2025 ที่ 10.4 เท่า และ 8.6 เท่า ปี 2026
โดยความน่าสนใจของธุรกิจในการเล่นเป็นหุ้นฟื้นตัวได้แค่ไหนนั้น พบกับข้อมูลเชิงลึกจากงาน Decoding Thailand’s Spending Pulse ที่ NEO จะเข้าร่วมในวันที่ 27 พ.ย. นี้

สรุปประเด็นจาก Quick take

ERW
ดิ เอราวัณ กรุ๊ป
ประกาศสร้างโรงแรมใหม่ใกล้อโศก
บริษัทประกาศเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว 30+30 ปี ที่ดิน 2 ไร่ ใกล้สถานี BTS อโศก บริษัทคาดมูลค่าโครงการ 9.3 พันล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุน 2 พันลบ. และ 7 พันลบ.เป็น ค่าเช่าคิดตลอด 60 ปี และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
View from fundamental: บริษัทยังคงมุมมองเชิงบวกต่อโรงแรมในหมวด Midscale ซึ่งปัจจุบัน คือ 25% ของรายได้ และมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าหมวดอื่นๆ ของ ERW (เช่น Luxury และ Economy) ซึ่งเราคาดว่าการเปิดโรงแรมใหมในหมวด Midscale ใน 5 ปีข้างหน้า จะทำให้รายได้ของกลุ่ม Midscale สูงขึ้น และในมุม Net IBD/E ปัจจุบันที่ 0.98 เท่า ยังรองรับการเติบโตของโครงการใหม่ๆ ได้ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.30 บาท

CBG
คาราบาว กรุ๊ป
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
บริษัทเห็นส่วนแบ่งการตลาดคาราบาวแดงเติบโต all-time high จาก 26.7% ใน 3Q25 เป็น 27.6% ในเดือนต.ค. และคาดว่าจะแตะ 28-29% ณ สิ้นปีนี้ และตั้งเป้า 32% ณ สิ้นปีหน้า Cambodia พ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว -70% YoY ใน 3Q25 และคาดเห็นการฟื้นตัวใน 4Q25
View from fundamental: แนวโน้มการเติบโตดีกว่าที่เราและตลาดคาด โดยเฉพาะการขยายส่วนแบ่งในประเทศ ขณะที่การฟื้นตัวของยอดขายกัมพูชายังเป็นประเด็นต้องติดตาม

COM7
คอมเซเว่น
ยกเลิกการเข้าลงทุนใน MVP
COM7 ประกาศยกเลิกเข้าจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน บ.เอ็ม วิชั่น (MVP) เพราะตลาดไม่เอื้ออำนวย การยกเลิกลงทุน MVP ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานธุรกิจ COM7
View from fundamental: เรามองการยกเลิกลงทุนใน MVP จะเป็นบวกต่อ sentiment หุ้น COM7 เพราะ 1) ไม่ต้องรับรู้ขาดทุน MVP โดย 9M25 อยู่ที่ 114 ลบ. และ 2) ลดผลกระทบความไม่ชัดเจนโครงการสแกนรูม่านตา (world) แต่ไม่กระทบพื้นฐาน เพราะเราไม่ได้รวมดีล MVP ในประมาณการกำไรหลักปี 25-26 ของ COM7 อยู่แล้ว โดยคาดกำไรหลัก 4Q25 บริเวณ 1.2 พันลบ. (+15%YoY, +36%QoQ) จึงคงคำแนะนำ BUY และเลือกเป็นหุ้นเด่น

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน