สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 25 พฤศจิกายน 2568 )------ นายยูเซฟ อิล คัมริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ERW เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของ บริษัทฯ ครั้งที่ 8/2568 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว กับ บริษัท อัครศราภา จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน ( “ผู้ให้เช่า”) เพื่อเช่าที่ดินขนาด 2-0-41.8 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียง สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศก กรุงเทพมหานคร เพื่อพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นไปตามแผนการและกลยุทธ์ การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยมีระยะเวลาการเช่า 30 ปี (ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2572 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2602) (“ระยะเวลาการเช่า”) และบริษัทฯ มีสิทธิต่อระยะเวลาการเช่าออกไปได้อีก 30 ปี นับจากวันครบกำหนดระยะเวลาการ เช่า (ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2602 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2632) (รวมการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ ว่า “ธุรกรรม”) ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาวกับผู้ให้เช่าต่อไป
คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำธุรกรรมเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาวกับผู้ให้เช่าภายในเดือนธันวาคม 2568
มูลค่าของธุรกรรมที่จ่ายหรือได้รับซึ่งบริษัทฯ ใช้เพื่อคำนวณขนาดของธุรกรรมตามเกณฑ์มูลค่ารวมของ สิ่งตอบแทนข้างต้นครอบคลุมทั้งค่าเช่าที่ดินตลอดระยะเวลาการเช่าและระยะเวลาการเช่าที่ต่อออกไป (รวมระยะ เวลาทั้งหมด 60 ปี) ต้นทุนในการพัฒนาโครงการบนที่ดินดังกล่าว และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่เข้าเกณฑ์การ ค านวณขนาดของธุรกรรมตามประกาศเรื่องรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะชำระค่าเช่าที่ดิน ซึ่งรวมถึงค่าเช่าล่วงหน้า ค่าเช่ารายปีสำหรับระยะเวลาการเช่า และ ค่าเช่ารายปีสำหรับระยะเวลาการเช่าที่ต่อออกไปเป็นเงินสด โดยมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิโดยใช้สมมติฐานอัตรา คิดลดตามแนวปฏิบัติสำหรับตลาดเป็นมูลค่าประมาณ 1,242 ล้านบาทให้กับผู้ให้เช่า ซึ่งตลอดระยะเวลาสัญญา เช่าที่ดิน บริษัทฯ ตกลงชำระค่าเช่ารายปีให้แก่ผู้ให้เช่าล่วงหน้าเป็นประจำทุกปี ตามจำนวนที่ระบุในสัญญาเช่า ที่ดินระยะยาว ค่าตอบแทนดังกล่าวไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการพัฒนาโครงการบนที่ดินดังกล่าว
บริษัทฯ คาดว่าการเข้าทำธุรกรรมจะเสริมสร้างผลการด าเนินงานของบริษัทฯ เพิ่มมูลค่าการลงทุน และ ขยายฐานลูกค้า ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่บริษัทฯ และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นใน ระยะยาว
นอกจากนี้ การเข้าทำธุรกรรมนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ และสนับสนุนการ ลงทุนในโครงการอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยพัฒนาอัตราการเติบโตและผลการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ
แหล่งเงินทุนที่ใช้สำหรับการเข้าทำธุรกรรมจะมาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินและแหล่งเงินทุนภายใน ของบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าการชำระค่าตอบแทนในการเข้าทำธุรกรรมนี้ จะไม่ส่งผลกระทบในทางลบต่อ สภาพคล่องหรือเงินทุนหมุนเวียน เนื่องจากบริษัทฯ มีเงินทุนสำรองที่เพียงพอและมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก