Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ธ.ทิสโก้ เปิดกลยุทธ์ "ลดหย่อนภาษีฉบับมนุษย์เงินเดือน" วางแผนได้ทั้งลดหย่อนภาษี - มีเงินใช้พอยันเกษียณ

89

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (24 พฤศจิกายน 2568 )-----มนุษย์เงินเดือนต้องรู้ ! TISCO Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ เปิดวิธีวางแผนลดหย่อนภาษีตามช่วงอายุตั้งแต่วัย 30 - 50ปี แถมมีเงินใช้ยามเกษียณได้อย่างเพียงพอตามความต้องการ  

   

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วงโค้งสุดท้ายของปีเป็นช่วงที่ผู้มีเงินได้เริ่มมองหาวิธีลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาให้คุ้มค่า ผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) และประกันต่างๆ รวมทั้ง การบริจาคและมาตรการ "เที่ยวดีมีคืน" มาตรการใหม่ของรัฐบาลที่ใช้สิทธิลดหย่อนได้สูงสุด 30,000 บาท เป็นต้น โดยธนาคารทิสโก้ได้อำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ต้องการวางแผนลดหย่อนภาษี สามารถใช้โปรแกรม TISCO My Goal  ช่วยคำนวณภาษีได้ฟรี เพียงคลิก https://link.tisco.co.th/cBCHMU 

อย่างไรก็ตาม เทคนิคการวางแผนลดหย่อนภาษีให้คุ้มค่านั้น ไม่ควรคิดถึงการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีให้เต็มเพดานสิทธิ์เพียงอย่างเดียว แต่ควรคิดถึงสภาพคล่อง ความสามารถในการออมต่อเนื่อง ความเสี่ยงในการลงทุนที่ยอมรับได้ รวมไปถึงเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว เพื่อให้การลดหย่อนเป็นไปอย่างเหมาะสม ไม่เคร่งครัดจนเกินไปและไม่ลดหย่อนน้อยจนเสียสิทธิ์ที่ควรจะได้รับ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้การลดหย่อนภาษีวางแผนการเงินให้ชีวิต เตรียมพร้อมค่าใช้จ่ายหลังเกษียณให้เพียงพอรับสังคมสูงอายุซึ่งคนไทยมีโอกาสอายุยืนมากกว่าในอดีตได้ด้วย 

นายณัฐกฤติกล่าวอีกว่า เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นธนาคารทิสโก้ได้จัดทำแบบจำลองการวางแผนลดหย่อนภาษีตามช่วงอายุโดยเป็นแผนที่สามารถวางแผนเกษียณไปได้พร้อมกัน โดยกรณีตัวอย่างนี้คำนวณบนพื้นฐานที่กลุ่มตัวอย่างไม่มีประกันสังคม ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ไม่เคยออมเงินเพื่อการเกษียณมาก่อน และรับความเสี่ยงการลงทุนได้ในระดับปานกลางถึงสูง ดังนี้  

  

    พนักงานบริษัทเอกชน อายุ 30 ปี สถานะโสด เงินเดือน 40,000 บาท โบนัสเฉลี่ย 3 เดือนต่อปี ตั้งเป้าหมายเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี โดยคาดว่าหลังเกษียณอายุจะใช้เงิน 25,000 บาทต่อเดือน และคาดว่าจะมีอายุถึง 90 ปี              

หากต้องการลดหย่อนภาษีให้คุ้มค่าพร้อมกับมีเงินใช้หลังเกษียณตามความต้องการ ควรออมเงินจากเงินเดือนและโบนัสประมาณ 20% หรือปีละประมาณ 120,000 บาท เพื่อให้อายุ 60 ปี มีเงินสำหรับใช้หลังเกษียณประมาณ 7.85 ล้านบาท (สมมติฐานอัตราผลตอบแทนการลงทุนหลังเกษียณปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อ เท่ากับ 0.97%) เน้นลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายสินทรัพย์เสี่ยงสูงได้ โดยมีอัตราผลตอบแทนคาดหวังจากการลงทุนประมาณ 6-10% 

ธนาคารทิสโก้แนะนำให้นำเงินออมแต่ละปีไปลงทุนหรือซื้อผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษี ดังนี้ 

    ผลิตภัณฑ์ลงทุนเพื่อบริหารจัดการภาษี เช่น RMF และ Thai ESG วงเงินประมาณ 100,000 บาท เนื่องจากยังมีเวลาลงทุนยาวนาน โดยสามารถลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้ในสัดส่วนราว 70-80% เช่น 
        ซื้อ RMF  80,000 บาท    ซึ่งอาจจะเน้นเป็นกองทุนหุ้นกลุ่มเติบโตอย่าง Megatrends ที่เป็นธีมการลงทุนแห่งอนาคต เช่น AI , Healthcare หรือประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็ว เช่น อินเดีย จีน และเวียดนาม 
        ซื้อกองทุน Thai ESG ที่มีนโยบายลงทุนหุ้นกลุ่มปันผล 20,000 บาท 
    ปิดความเสี่ยงด้วยประกันวงเงิน 20,000 บาท เช่น ซื้อประกันสุขภาพ และประกันโรคร้ายแรง 

  

    ผู้จัดการบริษัทเอกชน อายุ 40 ปี แต่งงานแล้ว  เงินเดือน 70,000 บาท โบนัสเฉลี่ย 3 เดือนต่อปี ตั้งเป้าหมายเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี คาดว่าหลังเกษียณอายุจะใช้เงิน 30,000 บาทต่อเดือน และคาดว่าจะมีอายุถึง 80 ปี 

หากต้องการลดหย่อนภาษีให้คุ้มค่าพร้อมกับมีเงินใช้หลังเกษียณตามความต้องการ ควรออมเงินจากเงินเดือนและโบนัสประมาณ 30% หรือปีละประมาณ 300,000 บาท เพื่อให้อายุ 60 ปี มีเงินสำหรับใช้หลังเกษียณประมาณ 6.57 ล้านบาท (สมมติฐานอัตราผลตอบแทนการลงทุนหลังเกษียณปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อ เท่ากับ 0.97%) โดยเน้นลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายสินทรัพย์เสี่ยงปานกลางถึงสูงได้ โดยมีอัตราผลตอบแทนคาดหวังจากการลงทุนประมาณ 6-8% 

ธนาคารทิสโก้แนะนำให้นำเงินออมแต่ละปีไปลงทุนหรือซื้อผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษี ดังนี้  

    ผลิตภัณฑ์ลงทุนเพื่อบริหารจัดการภาษี เช่น RMF และ Thai ESG วงเงินประมาณ 200,000 บาท โดยสามารถลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้ในสัดส่วนราว 60-70% เช่น 
        ซื้อ RMF  150,000 บาท ซึ่งอาจจะเน้นกระจายการลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นโลกคุณภาพ หุ้นกลุ่มเติบโตบางส่วน และตราสารหนี้ 
        ซื้อกองทุน THAI ESG ที่มีนโยบายลงทุนหุ้นกลุ่มปันผล 50,000 บาท  
    ปิดความเสี่ยงด้วยประกันวงเงิน 100,000 บาท แนะนำให้ปิดความเสี่ยงด้วยประกันสุขภาพ ประกันชีวิต ประกันโรคร้ายแรง และประกันบำนาญ 

 

    ผู้บริหารบริษัทเอกชน อายุ 50 ปี แต่งงานแล้วมีลูก 1 คน เงินเดือน 150,000 บาท โบนัสเฉลี่ย 3 เดือนต่อปี ตั้งเป้าหมายเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี โดยคาดว่าหลังเกษียณอายุจะใช้เงิน 40,000 บาทต่อเดือน และคาดว่าจะมีอายุถึง 80 ปี 

หากต้องการลดหย่อนภาษีให้คุ้มค่าพร้อมกับมีเงินใช้หลังเกษียณตามความต้องการ ควรออมเงินจากเงินเดือนและโบนัสประมาณ 40% หรือปีละประมาณ 900,0000 บาท เนื่องจากมีเวลาออมเพียง 10 ปีก่อนเกษียณทำให้ต้องเก็บเงินเยอะขึ้นมากกว่าช่วงอายุอื่นๆ เพื่อให้อายุ 60 ปี มีเงินสำหรับใช้หลังเกษียณประมาณ 8.77 ล้านบาท (สมมติฐานอัตราผลตอบแทนการลงทุนหลังเกษียณปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อ เท่ากับ 0.97%) เน้นลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายสินทรัพย์เสี่ยงปานกลาง โดยมีอัตราผลตอบแทนคาดหวังจากการลงทุนประมาณ 6-7%   

ธนาคารทิสโก้แนะนำให้นำเงินออมแต่ละปีไปลงทุนหรือซื้อผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษี ดังนี้ 

    ผลิตภัณฑ์ลงทุนเพื่อบริหารจัดการภาษี เช่น RMF และ Thai ESG วงเงินประมาณ 675,000 บาท โดยสามารถลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้ในสัดส่วนราว 50% เช่น 
        ซื้อ RMF  475,000 บาท  ซึ่งอาจจะเน้นกองทุนผสมเชิงรุกที่มีนโยบายการลงทุนแบบเชิงรุกกระจายลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก อาทิ หุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ โดยผู้จัดการกองทุนมีปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตามสภาวะตลาด คุมความเสี่ยงจากความผันผวน 
        ซื้อกองทุน Thai ESG ที่มีนโยบายลงทุนหุ้นกลุ่มปันผล 200,000 บาท  
    เงินส่วนที่เหลือ 225,000 บาท ควรนำมาปิดความเสี่ยงด้วยประกันสุขภาพ ประกันชีวิต ประกันโรคร้ายแรง และประกันบำนาญ 

 

ทั้งนี้ จากตัวอย่าง 3 กรณีข้างต้นธนาคารทิสโก้แนะนำให้ปรับพอร์ตตามช่วงอายุ รวมทั้งสามารถปรับพอร์ตตามความต้องการทางการเงินตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เพื่อความเหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตทั้งก่อนและหลังเกษียณ   

  

"ในแต่ละปีคนส่วนใหญ่มักจะคำนึงถึงการวางแผนลดหย่อนภาษี แต่กลับละเลยการวางแผนเพื่อการเกษียณเพราะมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว ธนาคารทิสโก้จึงอยากให้ผู้มีเงินได้ทุกคนมองว่าการวางแผนทั้งสองอย่างนี้สามารถทำควบคู่กันไปได้ เพราะยุค Longevity ที่ชีวิตหลังเกษียณอาจยาวนานถึง 30–40 ปี การ "ไม่วางแผน" กลายเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด เพราะอาจต้องเผชิญภาวะ "เงินหมดก่อนอายุขัย" ดังนั้น การเริ่มวางแผนภาษีโดยใช้สิทธิลดหย่อนจากภาครัฐ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการแยก "เงินใช้วันนี้" ออกจาก "เงินเพื่ออนาคต" ที่เป็นเป้าหมายทางการเงินระยะยาว ช่วยให้มีเงินเกษียณเพียงพอและยังได้ลดค่าใช้จ่ายด้านภาษีอีกด้วย " นายณัฐกฤติกล่าว  

ทั้งนี้ หากต้องการปรึกษาการวางแผนภาษีควบคู่กับการวางแผนเกษียณที่คุ้มค่า รวมทั้งวางแผนการเงินแบบองค์รวม หรือ Holistic Advisory สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารทิสโก้ได้ทุกสาขา หรือกรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ https://link.tisco.co.th/cB6d4Y 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ซบเซาอีกนาน By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็นเศรษฐกิจไทย มองไปข้างหน้าแล้ว เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ต้องใช้ยากระตุ้นตลอดเวลา เรียกว่า ชีวตอยู่ได้....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NKT เปิดโรงพยาบาลนครธน2เดือนธันวาคมนี้ เติมรายได้

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NKT เปิดโรงพยาบาลนครธน2เดือนธันวาคมนี้ เติมรายได้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้