
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 21 พฤศจิกายน 2568 )-------ภาพรวมธุรกิจงวด 9 เดือนของปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568) ของบริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) (MENA) ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศยังคงเติบโตต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจการให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ และธุรกิจการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค
โดยได้รับอานิสงส์จากธุรกิจการให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกซ์เซอร์ และธุรกิจการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค จากปัจจัยสนับสนุนด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟฟ้า ซึ่งช่วยกระตุ้นการก่อสร้างและส่งผลดีโดยตรงต่อธุรกิจขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จของ MENA ประกอบกับการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท ทีดี เอ็มลอจิสติกส์ จำกัด (TDM)
ปัจจัยบวกดังกล่าวส่งผลทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวด 9 เดือนของปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568) มีกำไรสุทธิ 45 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 615 ล้านบาท รายได้หลักมาจากธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรายได้ค่าขนส่ง (Trailer) เติบโต 4%
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) (MENA) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ของบริษัทฯ ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้งธุรกิจการให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกซ์เซอร์ และธุรกิจการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค จากปัจจัยสนับสนุนด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงและโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งช่วยกระตุ้นการก่อสร้างและส่งผลดีโดยตรงต่อธุรกิจขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จ
สอดคล้องกับรายงานจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุว่า ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ใน ประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ 29.4 ล้านตันในปี 2568 เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากโครงการก่อสร้าง ภาครัฐและโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ของภาคเอกชน(ที่มา : Business-intelligence-CEMENT-INDUSTRY20250108.pdf)
นอกจากนี้ SBC EIC ยังคาดการณ์มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐในปี 2569 ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 1% ถึงแม้ว่าจะเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ด้านการบริโภคภายในประเทศ คาดว่าจะฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส และการกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่งผลให้ธุรกิจขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคเติบโตต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ ดังนั้นอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของบริษัทฯ จึงยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคงในปี 2568

เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีศักยภาพของรายได้และกำไรในอนาคตเติบโตยังคงมองหาโอกาสในการขยายฟลีทเพิ่มเติม ผ่านทางการมองหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดร่วมกันโดยเฉพาะงานขนส่งด้วยรถ EV ควบคู่ไปกับการบริหารฟลีทรถที่มีอยู่แล้วให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังเน้นการรักษามาตรฐานการให้บริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดและเคียงคู่ลูกค้าเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป