บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) (CENTEL)
“งวด 3Q68 มีกำไรหลัก 191 ลบ. +9%YoY, +83%QoQ จากอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้น”
Investment Highlight
กำไรหลักงวด 3Q68 เท่ากับ 191 ลบ. +9%YoY, +83%QoQ โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 5,622 ลบ.+4%YoY ทรงตัว QoQ
บริษัทมีรายได้ดำเนินงานงวด 3Q68 เท่ากับ 5,622 ลบ. +4%YoY
ทรงตัว QoQ เป็นไปตามคาดแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจโรงแรม 2,415 ลบ. +8%YoY, +3%QoQ เติบโตจาก RevPAR +4%YoY, -4%QoQ ได้แรงหนุนจากโรงแรมในต่างจังหวัด อย่างโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา โรงแรมบนเกาะสมุย และหัวหิน รวมทั้ง 2 โรงแรมใหม่ที่มัลดีฟส์มีพัฒนาการดีขึ้นต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจอาหารรายได้ 3,207 ลบ. +1%YoY, -2%QoQ โดยมี SSSG เติบโต 1%YoY จากแบรนด์ โอโตยะ คัตสึยะ เป็นต้น มี EBITDA Margin ที่ระดับ 23.5% เพิ่มขึ้นจากระดับ 23.3% ในงวด 3Q67 และระดับ 21.5% ในงวด 2Q68 จากความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นทั้งในธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร เป็นไปในทิศทางเดียวกับรายได้ที่ปรับตัวขึ้น ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 160 ลบ.-2%YoY, +45%QoQ หากตัดรายการพิเศษได้แก่ การด้อยค่าเงินลงทุนในการร่วมค้าในเวียดนามราว 49 ลบ. ขาดทุนจากการตัดภาษีหัก ณ ที่จ่าย ที่ไม่สามารถขอคืนได้ 23 ลบ.และรายการกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 41 ลบ.ส่งผลให้มีกำไรหลัก 191 ลบ. +9%YoY, +83%QoQ ช่วง 9M68 มีรายได้ 17,644 ลบ. +4%YoY และมีกำไรหลัก 1,096 ลบ. -7%YoY
คงคาดกำไรปี 68-69 ราว 1,671 ลบ. 1,842 ลบ. หดตัว -5% และเติบโต 10% ตามลำดับ คาดกำไรปี 68-70 มี CAGR เฉลี่ย +12% ต่อปี
เราคาดการณ์รายได้ดำเนินงานปี 68-69 ราว 23,437 ลบ. 24,750 ลบ. +2%YoY, +6%YoY ตามลำดับ โดยปี 68 คาดธุรกิจโรงแรมเติบโตจากโรงแรมในต่างจังหวัด โรงแรมมัลดีฟส์แห่งใหม่ 2 โรงแรม รวมถึงโรงแรมในประเทศญี่ปุ่นจากงาน World EXPO 2025 ปี 69 เติบโตทั้งจากธุรกิจโรงแรม และร้านอาหารจากคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว คงสมมติฐาน EBITDA Margin ที่ระดับ 25.5% และ 25.3% ตามลำดับ ส่งผลให้เราคงคาดกำไรสุทธิ 1,672 ลบ. และ 1,842 ลบ. หดตัว -5%YoY และเติบโต +10%YoY ตามลำดับ กำไรหลักช่วง 9M68 คิดเป็นสัดส่วน 66% ของประมาณการปี 68 ซึ่งยังสอดคล้องกับประมาณการ
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 69 ที่ 38.70 บาท
เราประเมินราคาเหมาะสม CENTEL ปี 69 ด้วยวิธี DCF อิง WACC ที่ 6.0%และ Terminal Growth ที่ 1% คำนวณเป็นราคาเหมาะสมเท่ากับ 38.70 บาท โดยราคาหุ้นมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบันราว 18% ขณะที่คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ในอนาคตราว 2% ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ปัจจัยเสี่ยง
i) สภาวะการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรงขึ้น
ii) พฤติกรรมผู้บริโภคที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
iii) ความเสี่ยงจากโรคระบาด
iv) ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
v) ความเสี่ยงของการไม่ต่ออายุสัญญา และการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงและเงื่อนไขที่สำคัญของสัญญา
Analyst: Panachai Kritthanachai
02-672-5997
panachai@globlex.co.th