MAGURO : มุมมองเป็นกลางจาก Opportunity Day
• ปัจจุบัน MAGURO ปรับบทบาทสู่การเป็นธุรกิจอาหารแบบหลายแบรนด์ที่ออกแบบมาเพื่อขยายตัวในระยะยาว ไม่ใช่แค่ธุรกิจร้านอาหารปกติ และเน้นย้ำถึงข้อได้เปรียบในการแข่งขัน ได้แก่ 1) ระบบการตลาดแบบบูรณาการ 2) ทำเลที่ตั้งและความสามารถในการเจรจาต่อรอง 3) การทำงานร่วมกันระหว่างพนักงานและการฝึกอบรมข้ามสายงาน 4) การกระจายความเสี่ยงและนวัตกรรมที่สูง และ 5) การรับรู้แบรนด์ที่แข็งแกร่งพร้อมการประสานงานด้านต้นทุนและห่วงโซ่อุปทาน
• การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ของแบรนด์ MAGURO กลับมาเป็นบวกใน 3Q25 โดยได้รับแรงหนุนจากโปรโมชั่นการขายและเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลาย โดยไม่ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นอย่างมีนัยสำคัญ
• MAGURO เปิดสาขาทั้งหมด 15 สาขา เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ 13 สาขา รวมถึงสองแบรนด์ใหม่ที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่ Kiwamiya และ Bincho โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Kiwamiya ยังคงรักษาโมเมนตัมยอดขายไว้ได้นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกันยายน 2025 (11.3 ล้านบาท/เดือน) นอกจากนี้ MAGURO Kappou เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มี ASP ที่สูงขึ้น และเหมาะสำหรับทำเลที่ต้องการค่าเช่าที่สูงขึ้นในอนาคต
• แนวโน้ม SSSG ใน 4Q25 ปรับตัวดีขึ้น 3Q25 SSSG ของ Hitori Shabu ได้แตะจุดต่ำสุดแล้วหลังจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดหม้อไฟ จำนวนลูกค้าเริ่มเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อใบลดลงเล็กน้อย เนื่องจากกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้า
• สำหรับราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น บริษัทมองว่าผลกระทบจากต้นทุนข้าว (ประมาณ 1% ของต้นทุนรวม) ยังไม่รุนแรงนัก และยังคงปรับปรุงการบริหารจัดการต้นทุนภายในอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน คาดว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากโปรแกรมค่าลิขสิทธิ์ (คะแนนสมาชิก) จะถูกชดเชยด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นของทุกแบรนด์
• เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ MAGURO โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 29.25 บาท