Market Wrap-Up
- SET วันที่ 18 พ.ย.68 ปิด -10.03 จุด อยู่ที่ 1,270.04 จุด มูลค่าการซื้อขาย 29,343 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 474 ลบ. ต่างชาติขาย 935 ลบ. สถาบันขาย 183 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,591 บาท NVDR มียอดขายสุทธิ 312 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น SPRC,BDMS,SCB,ADVANC,TCAP และยอดขายหุ้น KBANK,GULF,BBL,BANPU,BH มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,315 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ AOT,CNROBOAI23,CNSEMI23 โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 6,301 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 67,130 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 2,415 ลบ.
Market View
- DJIA -1.07%, S&P500 -0.83%, Nasdaq -1.21% จากแรงขายกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -5%, เทคโนโลยี -1.68% หลัง Cloundflare -2.8% จากระบบให้บริการด้านความปลอดภัยของ Web Internet มีปัญหา ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการเช่น OpenAI, X, Gemini โดยนักลงทุนยังรอการรายงานงบ Q3/68 ของ Nvidia ในช่วงค่ำวันนี้คาดกำไรที่ราว $3.0 หมื่น ล. +54% YoY, +20% QoQ รวมถึงมุมมองต่อยอดขายในระยะถัดไป ขณะที่หุ้น Home Depot -6.02% หลังรายงานกำไร Q3 ต่ำกว่าคาด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตามรายงาน Fed Minutes ต.ค./ พฤหัส ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ย./ ศุกร์ US PMI ภาคผลิต & บริการ พ.ย./ ม.มิขิแกนรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ พ.ย.
- Stoxx600 ยุโรป -72% จากแรงขายกลุ่มธนาคาร & ยานยนต์ -2.9%, เหมืองแร่ -2.6% ปรับลดลงตามราคาทองแดง และกลุ่มเทคโนโลยี -1.8% จากความกังวลต่อภาวะฟองสบู่ในอุต ฯ AI ส่งผลให้ Euro VIX Index ปรับขึ้นอยู่ที่ระดับ 22.89 บ่งชี้ตลาดหุ้นยังมีความผันผวนสูง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ติดตาม CPI ยูโรโซน ต.ค. คาดที่ 2.2% YoY, CPI อังกฤษ ต.ค. คาด 3.6% YoY/ ศุกร์ PMI ภาคผลิต & บริการยูโรโซน พ.ย.
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ -22% หลังค่าเงินเยนอ่อนค่าอยู่ที่ 155 เยน/ดอลลาร์ และ Japan Bond Yield 10 ปีปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 17 ปี จากความกังวลต่อนโยบายการคลังแบบขยายตัวของรัฐบาล กอปรกับหุ้นกลุ่มเทค ฯ ปรับลดลงก่อน Nvidia จะรายงานงบ Q3/68 เช่นเดียวกับ Kospi เกาหลีใต้ -3.32% จากแรงขายหุ้นกล่มผู้ผลิตชิป เช่น Samsung Electronics, SK Hynix จากความกังวลเฟดอาจไม่ปรับลดดดอกเบี้ยใน ธ.ค. ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.81% ถูกกดดันจากปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีน & ญี่ปุ่นสูงขึ้น หลังนายก ฯ ญี่ปุ่นเผยหากจีนโจมตีไต้หวัน อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของญี่ปุ่น
- SET วานนี้ -78% ปริมาณการซื้อขาย 2.93 หมื่น ลบ. พอร์ตโบรกขาย 474 ลบ. ต่างชาติขาย 935 ลบ. สถาบันขาย 183 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,591 ลบ. โดยดัชนีถูกกดดันจากแรงขายกลุ่มอิเล็ก ฯ -1.86% จากกังวลต่อมูลค่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี & AI ที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่กลุ่ม Global Play เช่น ปิโตรเคมี, บรรจุภัณฑ์ ก็ถูกแรงชายหลังปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีน & ญี่ปุ่นสูงขึ้น หลังนายก ฯ ญี่ปุ่นให้ความเห็นต่อกรณีอาจเกิดวิกฤติการณ์ในไต้หวัน ส่วนหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก, ท่องเที่ยว, รพ. ก็ถูกแรงขายปรับพอร์ต จากความกังวลต่อโมเมนตัมเศรษฐกิจไทยในช่วง Q4/68 ยังฟื้นตัวช้า หลังสภาพัฒน์คาด GDP ไทย Q4/68 จะขยายตัวเพียง 0.6% ซึ่งได้รวมผลจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไว้แล้ว กอปรกับภัยน้ำท่วมยังเป็นปัจจัยลบกดดันต่อกำลังซื้อในประเทศ ส่วนผลการประชุม ครม.วานนี้ได้ออก ม.เยียวยาน้ำท่วมแบบขั้นบันได หากท่วมขังนานเกิน 4 เดือน โดยเบื้องต้นจะได้เงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท โดยภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยบวกใหม่ และยังรอประเมินข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ รวมถึงโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ธ.ค.
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,260 แนวต้าน 1,280 - 1,290 คาดดัชนีผันผวนจากความกังวลมูลค่าหุ้นเทค ฯ อาจสูงเกินไป และรอข้อมูลการจ้างงานสหรัฐก่อนการประชุมเฟด ธ.ค. แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น CPN,CENTEL,BA,WHAUP คาดกำไร Q4/68 ยังเติบโตดี/ พักเงินในหุ้นกลุ่มที่มีอัตราเงินปันผลสูง เช่น KBANK,KTB,TCAP,ADVANC,BLA
- EPG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 3.86 บาท)บริษัทรายงานกำไรสุทธิงวด 2Q68/69 (ก.ค.-ก.ย.) อยู่ที่ 315 ล้านบาท +18%QoQ, +142%YoY หากตัดรายการขาดทุน FX และกลับรายการตั้งสำรอง ออกกำไรปกติอยู่ที่ 328 ล้านบาท -QoQ, -YoY ถูกกดดันจากรายได้ธุรกิจ Aeroklas ที่ชะลอตัวตามอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย แต่รายได้จากกลุ่ม Aeroflex และกลุ่ม Packaging EPP ยังเติบโตชดเชยได้บางส่วน แนวโน้มในช่วง 3Q68/69 คาดทยอยดีขึ้น YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดยธุรกิจ Aeroflex (insulator) ยังคงได้แรงหนุนจากตลาดสหรัฐฯ มีความต้องการสูงในงานโครงการกลุ่มลูกค้า data center โดยมีแผนย้ายวัตถุดิบไปผลิตในสหรัฐฯ และปรับขึ้นราคาขายตามคู่แข่ง ทั้งนี้อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรปี 68/69 ที่ 12 พันล้านบาท +41%YoY
BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.50 บาท) กำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 4,319 ลบ. (+2%YoY, +24%QoQ ) ปรับตัวสูงขึ้น QoQ ตามฤดูกาล ส่วน YoY ยังพอประคองตัวได้แม้เผชิญแรงกดดันจากผู้ป่วยกัมพูชาและฐานสูงโรคท้องถิ่นปีก่อน ทั้งนี้ ฝั่งรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ +1%YoY แต่หากไม่นับรวมกัมพูชาจะ +10%YoY ด้านต้นทุนค่าใช้จ่ายยังคุมได้ดี และได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากBOI ส่วนแนวโน้ม 4Q68 ยังดูดีต่อเนื่อง โรคท้องถิ่นปีนี้มาช้า(เดือนต.ค.68 เคสไข้หวัดใหญ่ของไทยอยู่ที่ 2.02 แสนราย(+339%YoY,+14%MoM) สูงกว่าใน 4Q67 ที่ 1.03 แสนราย) โดยรายได้ร.พ.เดือนต.ค.68 ของ BDMS +7%YoY(ไทย+8%, ต่างชาติ+3%)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ธ.ค.+$0.83 อยู่ที่ $60.74 / บาร์เรล, Brent ม.ค. +$0.69 อยู่ที่ $64.89/บาร์เรล หลังสหรัฐได้คว่ำบาตรบริษัทน้ำมันของรัสเซีย Lukoil, Rosneft รวมถึงพรรครีพับลิกันกำลังร่าง กม.เพื่อคว่ำบาตรประเทศที่ทำธุรกิจกับรัสเซีย & อิหร่าน
Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$8.00 อยู่ที่ $4,066.50 /ออนซ์ โดยนักลงทุนรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ย. คาดจะเพิ่มขึ้น 55,000 ตำแหน่ง และตัวเลขผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างครั้งแรก เพิ่มขึ้น 13,000 อยู่ที่ 232,000 ราย เพื่อประเมินโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. ได้หรือไม่
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -34.32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -28.81 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +16.77 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -22.28 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 32.39 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.119 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +63 อยู่ที่ 2,216
(+) BitCoin เช้านี้ +0.39% อยู่ที่ 92,099 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
17 พ.ย. สภาพัฒน์ แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 3/68 และแนวโน้มปี68
19 พ.ย. ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
ต่างประเทศ
19 พ.ย. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ต.ค.)
20 พ.ย. US รายงานการประชุมของ FOMC
US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) ( ต.ค.)
21 พ.ย. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (พ.ย.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (พ.ย.)
Theme Strategy
เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายหลักของรัฐบาลอนุทิน (รัฐบาลระยะสั้น 4 เดือน) เร่งใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick wins, วงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และ Earning momentum / Seasonal 3Q68-4Q68
(1) ค้าปลีก / บริโภค นโยบายคนละครึ่งพลัส – กระตุ้นกำลังซื้อ, ลดค่าใช้จ่าย CPAXT*, BJC, TNP*, KK*, MOTHER*, ICHI*, CBG*
(2) การเงิน / นอนแบงค์ นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่อง SME, คาดการณ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย MTC*, SAWAD*, TIDLOR*, KTC*, NCAP*, SINGER*, SGC*, FSMART*, AP*, SPALI*, CPN*, DIF*, 3BBIF*
(3) รับเหมาก่อสร้าง เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการก่อสร้างภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน STECON, CK, SEAFCO*, PYLON*
(4) ท่องเที่ยว ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ AOT, CENTEL*, ERW*
(5) ไอซีที / ดิจิทัล ปราบปรามภัยไซเบอร์, การลงทุนด้าน Digital, Cyber Security, Data Center ADVANC, DELTA*, GULF*, BGRIM*, BCPG*, SECURE*
(6) ด้านสาธารณสุข ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอและเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด KTMS*, BIZ* ลดค่ายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน การเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในซื้อยาเองได้ HL* (เก็งกำไร)
(7) Solar ภาคประชาชน, มาตรการลดหย่อยภาษี Solar rooftop ครัวเรือน / Direct PPA GULF*, GUNKUL*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio October 2025: WHAUP*, PRM*, BDMS, ADVANC, SHR*, TOP
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Meena Tunlayanitigun
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662
Tel 02-829-6999 Ext 2201
Email : meena.tu@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th