Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ไทยประกันชีวิตเผยผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2568 มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 5,701 ล้านบาท เติบโต 10.1%

97


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 15 พฤศจิกายน 2568 )-------ไทยประกันชีวิตเผยผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2568 มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 5,701 ล้านบาท เติบโต 10.1% ภายใต้กลยุทธ์มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ด้านกำไรสุทธิยังคงแข็งแกร่งที่ 9,359 ล้านบาท โดยกำไรจากการรับประกันภัยเติบโตเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของธุรกิจ และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
 
บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI รายงานผลประกอบการของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 5,701 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการขายที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ประเภทสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพที่มีมูลค่าสูง ทั้งนี้ ภายใต้มาตรฐานบัญชีใหม่ กำไรสุทธิของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่งที่ 9,359 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 22.5%
 
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า การเติบโตของ VONB เป็นผลสืบเนื่องจากการเติบโตในทุกช่องทางการขาย โดยเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) ในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 10,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการขายผ่านช่องทางตัวแทนประกันชีวิตที่เป็นช่องทางการขายหลักของบริษัทฯ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง และมีการปรับสัดส่วนการขายเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงมากขึ้น โดยเฉพาะสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ สำหรับช่องทางพันธมิตร การเติบโตของ APE มาจากการร่วมมือกับพันธมิตรในการมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสามัญ รวมถึงการนำเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่ตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
 
ขณะเดียวกัน กำไรสุทธิในส่วนที่ไม่รวมรายการพิเศษและผลกระทบจากความผันผวนของตลาดช่วง 9 เดือนแรก อยู่ที่ 8,674 ล้านบาท เติบโต 14.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ มีกำไรจากการรับประกันภัยเป็นหลัก อยู่ที่ 7,305 ล้านบาท ขณะที่กำไรจากการลงทุนที่ไม่รวมรายการพิเศษและผลกระทบจากความผันผวนของตลาด มีการเติบโตสอดคล้องกับการเติบโตของพอร์ตลงทุนและการเติบโตของธุรกิจ ทั้งนี้ พอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ มีการกระจายความเสี่ยงทั้งในและนอกประเทศ ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 มากกว่า 85% ของสินทรัพย์ลงทุนทั้งหมด อยู่ในรูปแบบตราสารหนี้ที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่น่าลงทุน
สำหรับอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน หรือ CAR Ratio ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 อยู่ที่ 568.8% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้อยู่ที่ 140% สะท้อนสถานะเงินทุนที่แข็งแกร่งอันเป็นรากฐานของการเติบโตอย่างยั่งยืน
 
นอกเหนือจากการสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนแล้ว ไทยประกันชีวิตยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อให้กับผู้เอาประกันภัย ผ่าน "แอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต" ด้วยการพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เอาประกันภัย อาทิ การพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ สำหรับบริการเคลมออนไลน์ ที่ผู้เอาประกันภัยสามารถยื่นเอกสารเคลมผ่านแอปพลิเคชัน ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) รวมถึงมอบการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร อาทิ บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ หรือฟีเจอร์ใหม่บริการปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญได้ง่ายขึ้น พร้อมการสั่งซื้อยาออนไลน์และจัดส่งถึงบ้าน สร้างความสะดวกสบายและความมั่นใจในทุกขั้นตอนของการดูแลสุขภาพ
 
นายไชย เปิดเผยว่า ไทยประกันชีวิตมุ่งมั่นดูแลชีวิตคนไทยผ่านการสร้างหลักประกันชีวิตให้ทุกครอบครัว ภายใต้วิสัยทัศน์ "การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนที่ส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสีย" พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแนวทาง ESG ครอบคลุมมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ส่งผลให้ไทยประกันชีวิตได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ จากพิธีมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร (Prime Minister's Insurance Awards) ประจำปี 2568 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ประกอบด้วย รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงานดีเด่น อันดับที่ 1 ประจำปี 2567 และ รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการพัฒนาด้านความยั่งยืนในธุรกิจประกันภัยดีเด่น ประจำปี 2567
 
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับการประเมินในระดับดีเลิศ (Excellent) จากผลสำรวจด้านการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย (CGR) ประจำปี 2568 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai IOD) รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 14064-1:2018 จากบริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด และมาตรฐานคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization : CFO) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ประจำปี 2567 การได้รับรางวัลและการรับรองมาตรฐานเหล่านี้เป็นสิ่งยืนยันความเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการ การพัฒนานวัตกรรมในการดำเนินธุรกิจ การกำกับดูแลกิจการที่ดี และการสร้างความยั่งยืนของไทยประกันชีวิต

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ปุยนุ่น By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ สำรวจหุ้นไทยวันศุกร์ แต่ไม่สดใส SET ร่วงหล่น 20 จุด ขณะที่วอลุ่มเทรดเบาดังปุยนุ่น .....

คับคั่ง By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) รายงานงบการเงินไตรมาส3/68 ออกมาอย่างคับคั่ง บางบริษัทกำไรโต บ้างก็กำไรลดลง ....

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้