สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (14 พฤศจิกายน 2568 )-----"สกาย กรุ๊ป" โชว์ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2568 ทำรายได้รวมอยู่ที่ 7,824 ล้านบาท โต 66% กำไรสุทธิ 609 ล้านบาท โตขึ้น 84% เติบโตทำสถิติ New High ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหนุนจากภาพรวมอัตราการเดินทางของผู้โดยสารปรับตัวเพิ่มขึ้น รับสัญญาณบวกของการฟื้นตัวอุตสาหกรรมการบินของไทย ส่งผลรายได้รวมจากโครงการเกี่ยวกับสนามบินเติบโต ดันธุรกิจ Aviation Tech as a Service โตต่อเนื่อง พร้อมโชว์แบ็คล็อกแกร่ง 23,000 ล้านบาท
 
เผยผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2568 เติบโตแรงต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร ทำนิวไฮรอบใหม่
 
นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) (SKY) เปิดเผยว่า สกาย กรุ๊ป มีผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-ก.ย. 68) บริษัทสามารถทำรายได้รวมทั้งสิ้น 7,824 ล้านบาท เติบโตขึ้น 66% และทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 609 ล้านบาท โตขึ้น 84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งถือเป็นนิวไฮทั้งรายได้และกำไรของบริษัทอีกครั้ง สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3/68 (ก.ค.-ก.ย. 68) บริษัทสามารถทำรายได้รวม 2,815 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 204 ล้านบาท เติบโตขึ้น 65% และ 84% ตามลำดับเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดย สกาย กรุ๊ป สามารถขับเคลื่อนธุรกิจในช่วง 9 เดือนแรกให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และหากเปรียบเทียบสัดส่วนรายได้และกำไรรวมทั้ง 3 ไตรมาสของปี 2568 กับตัวเลขรวมรายได้และกำไรทั้งปีของปี 2567 บริษัทสามารถสร้างอัตราการเติบโตที่สูงกว่าทั้งปีที่ผ่านมาอย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมบริษัทที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและมั่นคง
 
สำหรับปัจจัยหนุนหลักๆ ของการเติบโตมาจากภาพรวมอัตราการเดินทางของผู้โดยสารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากข้อมูลสถิติอัตราการเดินทางเข้า–ออกประเทศของผู้โดยสารในช่วง 9 เดือนของปี 2568 (มกราคม–กันยายน) ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ไม่ต่ำกว่า 5% ขณะที่อัตราการเดินทางภายในประเทศเติบโตในช่วง 6–16% แม้จะมีแรงกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง แต่การเดินทางโดยรวมของผู้โดยสารยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่อรายได้รวมในกลุ่มธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับกิจการการบินและโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับท่าอากาศยานเติบโตตามไปด้วย โดยเฉพาะระบบเช็คอินและออกตั๋วผู้โดยสาร (CUPPS) และโครงการให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) ที่มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และคาดการณ์ได้อย่างมั่นใจว่าในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นที่มีอัตราการเดินทางของผู้โดยสารสูงที่สุด จะเป็นไตรมาสที่ส่งผลบวกต่อรายได้และกำไรที่มากขึ้นให้กับ สกาย กรุ๊ป
 
นายสิทธิเดช กล่าวอีกว่า ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 บริษัทได้เข้าทำสัญญาใหม่และมีงานที่อยู่ระหว่างรอส่งมอบสัญญาในอนาคต (Backlog) อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 23,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 6-7 ปีข้างหน้า รองรับการเติบโตระยะยาวอย่างมั่นคง พร้อมเดินหน้าจัดทัพโครงสร้างธุรกิจในเครือ เพื่อรองรับการขยายการเติบโตของแต่ละธุรกิจให้มีความชัดเจน อาทิ ธุรกิจที่นำเทคโนโลยีมาช่วยให้บริการกลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ ด้วย Smart Facility Management ผ่าน บริษัท เมทเธียร์ จำกัด, ธุรกิจด้านการจำหน่ายและวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแบบครบวงจร (ICT-SI) ผ่านการส่ง บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) (PIS), และ ธุรกิจ Contact Center ที่นำเทคโนโลยี Large Language Model (LLM) และ AI เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ผ่านการลงทุนใน บริษัท วันทูวัน โปรเฟสชั่นแนล จำกัด (ปัจจุบันชื่อบริษัท สกาย ซีซี จำกัด) รวมถึงวางแผนสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายกับโครงสร้างรายได้ที่ครอบคลุมทั้งรูปแบบสัมปทาน (Concession) เป็นรายได้ระยะยาว, รายได้ประจำจากการให้บริการรายเดือน (Recurring Revenue), และรายได้จากโครงการ (Project based) เพื่อกระจายความเสี่ยง สร้างฐานรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน