Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

PSG เดินหน้าธุรกิจเหมืองและทรัพยากร พร้อมลงทุนในบริษัทเวียดนาม กำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 888% จากไตรมาสก่อน

81

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (14 พฤศจิกายน 2568 )-----บริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PSGC (ชื่อย่อหลักทรัพย์ PSG) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 187.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 887.9% จากไตรมาสก่อน จากความคืบหน้าของงานก่อสร้างในโครงการ และทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนที่มีเสถียรภาพมากขึ้น พร้อมประกาศเดินหน้ากลยุทธ์ด้านธุรกิจทรัพยากร หลังคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการเข้าลงทุนร้อยละ 64 ใน Nam Tien Limited Liabilities Company เพื่อขยายบทบาทในธุรกิจทรัพยากร โลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐานพลังงานในระดับภูมิภาค


 
ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 เติบโตโดดเด่น


ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 PSGC มีรายได้รวม 773.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 5.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการรับรู้รายได้โครงการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการเร่งรัดการดำเนินโครงการและทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนที่เริ่มมีเสถียรภาพ
สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,081.6 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 305.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับฐานจาก ปีก่อนที่มีสัดส่วนรายได้จากโครงการที่มีอัตรากำไรสูง ทั้งนี้ บริษัทฯ มีมูลค่างานในมือกว่า 3,900 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
 
บอร์ดไฟเขียวลงทุนเชิงกลยุทธ์ในเวียดนาม


ภายหลังความสำเร็จของโครงการนำร่องด้านเหมืองและทรัพยากรเมื่อต้นปี คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นว่าการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ในการขยายและเร่งรัดการเข้าสู่ธุรกิจใหม่ จึงอนุมัติเงินลงทุน 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (750.21 ล้านบาท) เพื่อเข้าถือหุ้นร้อยละ 64 ใน Nam Tien โดยตั้งเป้าดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2569 ภายหลังการลงทุน Nam Tien จะถูกรวมงบการเงินเป็นบริษัทย่อยของ PSGC Nam Tien ก่อตั้งในปี 2549 ในประเทศเวียดนาม ดำเนินธุรกิจห่วงโซ่อุปทานด้านทรัพยากรพลังงานแบบครบวงจร ทั้งงานเหมือง ระบบโลจิสติกส์ และการขนส่งถ่านหินข้ามพรมแดนระหว่าง สปป.ลาว และเวียดนาม บริษัทจะถือสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการดำเนินงานและรับซื้อถ่านหินจากบริษัท Xekong Power Plant Limited (XPPL) ซึ่งเป็นสัมปทานถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดใน สปป.ลาว ภายใต้สัญญาระยะยาวที่มีปริมาณสำรองกว่า 600 ล้านตัน นอกจากนี้ Nam Tien จะได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการจำหน่ายและกระจายถ่านหินของ XPPL ในทั้งตลาด สปป.ลาว และเวียดนาม ปัจจุบันความต้องการถ่านหินใน สปป.ลาว อยู่ที่ราว 0.5–1 ล้านตันต่อปี ขณะที่ความต้องการนำเข้าถ่านหินของเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 30–35 ล้านตันต่อปี ด้วยเงินทุนสนับสนุนจาก PSGC รวมถึงเป้าหมายการผลิตตามสัญญา โครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ และความต้องการของภาคอุตสาหกรรม Nam Tien มีศักยภาพในการผลิตและจำหน่ายถ่านหิน 6 – 10 ล้านตันต่อปี สร้างรายได้สู่ระดับ 740–1,130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 25,000–38,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและปริมาณการส่งมอบจริง
 
เสริมแกร่งความมั่นคงทางพลังงานในภูมิภาค


ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การขยายโครงข่ายไฟฟ้าและสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนยังไม่เพียงพอที่จะรองรับความต้องการพลังงานไฟฟ้าฐาน (baseload) ส่งผลให้ถ่านหินยังคงเป็นเชื้อเพลิงช่วงเปลี่ยนผ่านที่มีบทบาทสำคัญต่อเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า ความสามารถในการแข่งขันทางอุตสาหกรรม และความมั่นคงด้านพลังงานของภูมิภาคการลงทุนครั้งนี้ทำให้ PSGC เข้าไปมีบทบาทโดยตรงในห่วงโซ่อุปทานพลังงานเชิงยุทธศาสตร์ ตั้งแต่การผลิต การปรับปรุงคุณภาพ การขนส่ง ไปจนถึงการส่งมอบถ่านหินแก่ภาคอุตสาหกรรมในตลาดสำคัญของภูมิภาค ซึ่งยังคงต้องการพลังงานจากโรงไฟฟ้าฐานที่เชื่อถือได้เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้า
 
นายเดวิด แวน ดาว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PSGC กล่าวว่า "การลงทุนครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านของบริษัท จากรายได้ที่เกิดจากงานตามโครงการ มาสู่รายได้ประจำระยะยาว ที่มั่นคง โดยมีปัจจัยพื้นฐานด้านความต้องการพลังงานของภูมิภาคและความจำเป็นของพลังงานที่มีความเสถียรเป็นแรงสนับสนุน Nam Tien ช่วยเพิ่มขนาดธุรกิจได้ทันที มีระบบโลจิสติกส์ครบวงจร และเปิดโอกาสให้บริษัทเข้าถึงตลาดที่ยังคงต้องการถ่านหินเพื่อการผลิตพลังงานไฟฟ้าฐานในระดับสูงทั้งในทศวรรษหน้าและช่วงต่อเนื่องหลังจากนั้น"


PSGC มีแผนนำเทคโนโลยีการคัดแยกและปรับปรุงคุณภาพถ่านหิน รวมถึงการปรับกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยลดการปล่อยมลพิษ และรองรับข้อกำหนดด้านกฎระเบียบและมาตรฐานอุตสาหกรรมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง มาตรการปรับปรุงเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการส่งมอบเชื้อเพลิงอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านพลังงานของภูมิภาค พร้อมวางพื้นฐานสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต


การลงทุนใน Nam Tien ช่วยผลักดันให้ PSGC เปลี่ยนผ่านเป็นธุรกิจที่มีรายได้ประจำ ซึ่งรายได้ที่เชื่อมโยงกับปริมาณการผลิตและการขนส่ง จะทำให้บริษัทสามารถคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ต่อยอดจากมูลค่างานก่อสร้างในมือ และการขยายเข้าสู่ธุรกิจด้านทรัพยากรและสินค้าโภคภัณฑ์ PSGC มีความพร้อมสร้างการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่  ปี 2569 เป็นต้นไป พร้อมทั้งเพิ่มความมั่นคงของผลกำไร ยกระดับความหลากหลายของโครงสร้างรายได้ และขยายบทบาทในห่วงโซ่อุปทานพลังงานพื้นฐานของภูมิภาคต่อไป

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ปุยนุ่น By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ สำรวจหุ้นไทยวันศุกร์ แต่ไม่สดใส SET ร่วงหล่น 20 จุด ขณะที่วอลุ่มเทรดเบาดังปุยนุ่น .....

คับคั่ง By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) รายงานงบการเงินไตรมาส3/68 ออกมาอย่างคับคั่ง บางบริษัทกำไรโต บ้างก็กำไรลดลง ....

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้