อย่างไรก็ตาม การขยายการใช้ RA ในเชิงพาณิชย์ยังต้องพิจารณาความสมดุลระหว่างต้นทุนและสิ่งแวดล้อม โดยแปลงทดลองมีต้นทุนสูงกว่า แต่ช่วยลดคาร์บอนได้มากกว่า ขณะที่แปลงควบคุมมีต้นทุนต่ำกว่าแต่ปล่อยก๊าซมากกว่า ซึ่งทั้ง 3 ฝ่าย จะร่วมกันเดินหน้าโครงการต่อเนื่องในปีที่ 2 และ 3 เพื่อให้ได้ข้อมูลมาสนับสนุนการวิเคราะห์นี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และสร้างกรอบแนวทางที่สมจริงมากขึ้นสำหรับการประเมินต้นทุนและคาร์บอนจากการนำ RA มาใช้ในการปลูกอ้อยในวงกว้าง
ขณะที่ Mr. Ben French ผู้อำนวยการร่วมของ VIVE ย้ำว่า การเกษตรเชิงฟื้นฟูเป็นพันธสัญญาระยะยาวที่ต้องอาศัยข้อมูล ความอดทน และการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมชี้ว่าการทำงานร่วมกันของพันธมิตรจะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ในการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมเกษตรโลก