วันพุธที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Down หลุด 1,300 จุด จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง รวมทั้ง Fund Flow ที่ไหลออกอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยกดดันดัชนี แรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มค้าปลีก อิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน และขนส่ง ทั้งนี้นักลงทุนยังคงจับตาการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/68 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะครบกำหนดในวันศุกร์นี้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่1,284.81 จุด -15.66 จุด -1.20% มูลค่าการซื้อขาย 38,898.51 ลบ. Program Trading -2,013.81 ลบ.ต่างชาติ-1,386.08 ลบ. TFEX -20,259 สัญญา ตราสารหนี้2,239.50 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 326.86 จุด หรือ +0.68% ขานรับความหวังที่ว่าการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ จะสิ้นสุดลง อย่างไรก็ดีดัชนี Nasdaq ยังคงปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเดินหน้าเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
+ สหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 6%WoWและเพิ่มขึ้น 31%YoY แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จ านองปรับตัวขึ้นก็ตาม
+ รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมประกาศแผนยุทธศาสตร์ผลักดันการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคของเกาหลีใต้ภายในปีนี้ ขณะที่ผลิตภัณฑ์อาหาร ความงาม และแฟชั่นของเกาหลีใต้กำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้นทั่วโลก
+ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงแสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยสหรัฐฯ กำลังเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศเพื่อนบ้านรักษาความสงบและกลับไปปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพร่วม (Joint Declaration)
+ FETCO เตรียมถก "คลัง-ตลท.-ที่ปรึกษาการเงิน" หวังรื้อเกณฑ์ กำหนดราคาขาย"หุ้นไอพีโอ" แก้ปัญหา "ราคาต่ำจอง" คาดเห็นข้อสรุปโดยเร็ว ก่อนเกิด"วิกฤติขาดความเชื่อมั่น" และ นักลงทุนย้ายหนี "ตลาดหุ้นไทย" ชี้ ราคาหุ้นต่ำจองมาจากการกำหนด ราคาหุ้นไอพีโอสูงเกินพื้นฐานจริง
+ รัฐจ่อคลอด 11 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยอดใช้จ่ายคนละครึ่งพลัสคึกคักคลังเผยยอดพุ่ง 3.1 หมื่นล้านบาท จ่อเปิดเฟส 2 ต้นปีหน้า เปิดไทม์ไลน์ 20 มาตรการเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทินก่อนยุบสภา เร่งคลอด 11 มาตรการใหม่ปลายปี
+ กทม. เปิดเผยว่าสถานการณ์น้ำหนุนในช่วงเดือนนี้ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว เนื่องจากได้ผ่านวันที่มีน้ำหนุนสูงสุดคือ 8 พ.ย. 68 ไปแล้ว ซึ่งจะมีน้ำหนุนขึ้นสูงสุดอีกครั้งในวันที่ 20 ธ.ค. 68 แต่ไม่สูงมาก ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำเหนือที่น่าจะบรรเทาลง

ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.55 ดอลล าร์ หรือ 4.18% ปิดที่58.49 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกลุ่มโอเปกออกรายงานคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดเล็กน้อยในปี 2569 ซึ่งสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าอุปทานน้ ามันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว
- รัสเซียสั่งห้ามพลเมืองญี่ปุ่นอีก 30 ราย เดินทางเข้าประเทศอย่างไม่มีกำหนดเพื่อตอบโต้ที่รัฐบาลญี่ปุ่นใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจากกรณีรุกรานยูเครน
- นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประณามการใช้ความรุนแรง ของกองทัพไทยต่อพลเรือนชาวกัมพูชา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอย่างน้อย 3 ราย

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้มีโอกาส Rebound ระยะสั้น หลังปรับตัวลงแรงวานนี้โดยมีแรงหนุนจากความหวังที่ว่าการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ จะสิ้นสุดลง ขณะที่ราคาน้้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรงยังกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานมองกรอบดัชนี 1,280-1,290 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
- Direct PPA : GULF BGRIM GPSC EGCO RATCH
- ครม. อนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว “เที่ยวดีมีคืน” : MINT ERW CENTEL AWC BA AAV
-สินค้าส่งออกเดือน ก.ย. เติบโต : KCE HANA DELTA CCET TFG GFPT
- MSCI Rebalance (ปรับน้ำหนัก 24 พ.ย. 25) MSCI Thailand เข้า – ออก - MSCI Global Small Capเข้า M ออก AAV, CKP, JTS, QH, TPIPP
- จัดตั้ง JV AMC : BAM KBANK CHAYO JMT