สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 13 พฤศจิกายน 2568 )------ นายรัชต์ โสดสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)UOBKH เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ("บริษัท") ครั้งที่ 5/2568 ซึ่งประชุม เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 เวลา 11.00 น. ได้มีมติในเรื่องสำคัญดังนี้

1. เห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2569 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทออก จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ("ตลาดหลักทรัพย์ฯ")

ตามที่คณะกรรมการบริษัทได้รับหนังสือแจ้งความประสงค์ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท เพื่อเพิก ถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ฉบับลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 จาก UOB-KAY HIAN HOLDINGS LIMITED ("UOBKH HOLDINGS") เนื่องจากกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่ เป็นไปตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่อง การรับหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ. 2558 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) ที่กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนต้องดำรงคุณสมบัติเรื่องการกระจายการถือหุ้น โดยต้องมีผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อยไม่น้อยกว่า 150 รายและผู้ถือหุ้นดังกล่าวต้องถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ของทุนชำระ แล้วของบริษัทจดทะเบียน แต่เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนการกระจายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยน้อยกว่าร้อยละ 15 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ทำให้บริษัทขาดคุณสมบัติเรื่องการดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 UOBKH HOLDINGS ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท และบุคคลที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 258 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) ถือครองหุ้นสามัญ จำนวนทั้งสิ้น 450,813,734 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 89.72 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท โดย UOBKH HOLDINGS มีความประสงค์ที่จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท ที่ถือโดยผู้ถือหุ้นรายอื่น อันได้แก่ หุ้นสามัญที่เหลือทั้งหมดจำนวน 51,634,836 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 10.28 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้ว ทั้งหมดของบริษัท เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดย สมัครใจ ในราคาเสนอซื้อหุ้นซึ่งเป็นตัวเงินเท่านั้น ที่ราคา 8.17 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ของบริษัทที่คำนวณจากมูลค่าทางบัญชีล่าสุดหลังปรับปรุงให้สะท้อนราคาตลาดของสินทรัพย์และหนี้สิน ซึ่งมีมูลค่า สูงสุด ตามการกำหนดราคาซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ที่ก าหนดในประกาศคณะกรรมการก ากับตลาด ทุนที่ ทจ. 12/2554 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบง ากิจการ (รวมทั้งที่มีการ แก้ไขเพิ่มเติม) (“ประกาศที่ ทจ. 12/2554”) อย่างไรก็ดี ราคาดังกล่าวอาจปรับเปลี่ยนได้หากเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงต่อ ฐานะ ทรัพย์สิน หรือกิจการของบริษัท หรือต่อราคาหุ้นของบริษัท หรือเหตุการณ์อื่นซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อ การกำหนดราคาเสนอซื้อ หรือมีเหตุอื่นใดตามที่กำหนดในกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม การกำหนดราคาเสนอซื้อ สุดท้ายจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประกาศที่ ทจ. 12/2554

อย่างไรก็ดี ภายหลังการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท บริษัทยังคงมีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจ ากัด และยังคงปฏิบัติ ตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป อนึ่ง การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯ จะเกิดขึ้นต่อเมื่อเงื่อนไขดังต่อไปนี้สำเร็จครบถ้วน

(1) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท มีมติอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท และต้องไม่มีผู้ถือหุ้นคัดค้านการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท เกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้ว ทั้งหมดของบริษัท
(2) การเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะต้องได้รับอนุมัติ และ/หรือ ผ่อนผันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ สถาบันการเงิน และคู่สัญญาอื่น ๆ ตาม สัญญาที่เกี่ยวข้อง (ในกรณีที่จำเป็น) และ

(3) ไม่มีเหตุการณ์หรือการกระท าใด ๆ อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อฐานะหรือทรัพย์สินของบริษัท และไม่มีเหตุการณ์อื่นใดที่ทำให้การเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ระงับไป

ทั้งนี้ การดำเนินการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้สำเร็จ จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่อนุญาตตามประกาศที่ ทจ. 12/2554 รวมถึงต้องไม่มี เหตุการณ์หรือการกระทำใด ๆ อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อฐานะหรือทรัพย์สินของบริษัท และไม่มี เหตุการณ์อื่นใดที่ทำให้การเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ระงับไป

UOBKH HOLDINGS จะดำเนินการที่เกี่ยวกับการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท เมื่อเงื่อนไขข้างต้นสำร็จลง แม้ว่าผู้ถือหุ้นของบริษัทจะไม่ได้แสดงเจตนาขายหุ้นสามัญของบริษัทตามคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทครบทุก ราย ดังนั้น จึงอาจมีความเป็นไปได้ที่ UOBKH HOLDINGS จะไม่สามารถซื้อหุ้นของบริษัทได้ครบทั้งหมดเมื่อสิ้นสุด ระยะเวลาเสนอซื้อ

2.อนุมัติ โดยความเห็นชอบของกรรมการอิสระที่ไม่มีส่วนได้เสีย ให้แต่งตั้ง บริษัท ออพท์เอเชีย แคปิตอล จำกัด เป็น (1) ที่ ปรึกษาทางการเงินอิสระในการทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเสนอแนะความเห็นและชี้แจงต่อผู้ถือหุ้้นของบริษัท เพื่อ ประกอบการพิจารณาการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และ (2) ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระในการให้ความเห็นประกอบการทำความเห็นของกิจการต่อคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ทั้งนี้ การทำหน้าที่ของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระตามข้อ (2) จะเกิดขึ้นภายหลังตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุมัติและแจ้งผลการ อนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทและ UOBKH HOLDINGS ได้ยื่นคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ ของบริษัทแล้ว

3.อนุมัติให้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2569 ในวันที่ 7 มกราคม 2569 เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุมของบริษัท อาคารสินธรทาวเวอร์ 1 ชั้น 3 เลขที่ 130-132 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 โดยจัดการ ประชุมในรูปแบบระบบไฮบริด (Hybrid Meeting) ซึ่งผู้ถือหุ้นสามารถเข้าร่วมประชุมด้วยตนเองหรือเลือกประชุมผ่านสื่อ อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ตามระเบียบวาระการประชุม