สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(11 พฤศจิกายน 2568)--------• วายแอลจีชี้ทองคำไตรมาส 4 ยังรักษาเทรนด์ขาขึ้น คงเป้าหมาย 4,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลกยังแข็งแกร่ง จากกระแสลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯ ล่าสุดพบธนาคารกลางจีนเข้าซื้อเพิ่มอีกในเดือน ต.ค. เป็นการซื้อติดต่อกัน 12 เดือน
• พร้อมปัจจัยหนุนสำคัญจากอัตราดอกเบี้ยขาลงของเฟด และการยุติการทำ QT เป็นแรงผลักดันราคาทองคำกลับเข้าสู่ช่วงขาขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า
• เผยพฤติกรรมนักลงทุนเปลี่ยนจากฝากเงินมาสู่การลงทุนในทองคำแท่ง ทั้งทองคำกายภาพ ออนไลน์ และผ่านตลาดฟิวเจอร์ส พร้อมแนะทางเลือกการลงทุนในช่วงราคาทองคำปรับตัวสูงผ่านการลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส เพิ่มโอกาสการลงทุนด้วยการใช้เงินลงทุน 10% ของมูลค่า
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่าทองคำยังได้รับแรงหนุนจากธนาคารกลางจีน (Public Bank of China) ที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมาว่าได้เพิ่มการถือครองทองคำขึ้นเป็น 74.09 ล้านทรอยออนซ์ ในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ถือครองอยู่ที่ 74.06 ล้านทรอยออนซ์ และเป็นการเข้าซื้อต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน สะท้อนว่าความต้องการทองคำของเหล่าธนาคารกลางทั่วโลกยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดรับกับกระแสลดการพึ่งพาดอลลาร์ (de-dollarization) เป็นส่วนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเร่งตัวของแรงซื้อทองคำจากบรรดาธนาคารกลางทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง นับจากปี 2565 - 2567 ธนาคารกลางเข้าซื้อทองคำมากกว่า 1,000 ตันต่อปี ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2553 -2564 ที่ 478 ตันกว่า 2 เท่า
นอกจากนี้ทองคำยังมีปัจจัยบวกสำคัญที่จะสนับสนุนให้ภาพใหญ่ยังเป็นขาขึ้น คือ แนวโน้มเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย ซึ่งประเด็นนี้ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคให้เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยลงทุนในการฝากเงินมาสู่การซื้อทองคำแท่งทั้งรูปแบบกายภาพและผ่านระบบออนไลน์ รวมถึงการซื้อทองคำผ่านตลาดฟิวเจอร์ส เนื่องจากทองคำที่เป็นสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายดอกเบี้ยขาลง นอกจากนี้ การประกาศยุติมาตรการ “คุมเข้มเชิงปริมาณ” หรือ Quantitative Tightening (QT) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม นั้นถือเป็นการดำเนินนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายลงเช่นกัน
จากปัจจัยสนับสนุนจึงคาดว่าในไตรมาส 4/2568 ทิศทางทางคำจะยังคงรักษาเทรนด์ขาขึ้นไว้ได้ต่อไป แม้ว่าระยะสั้นจะเกิดแรงขายทำกำไรเนื่องจากเดือน ต.ค. ที่ผ่านมาราคาปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก โดยมองแนวรับสำคัญที่ 4,015-3,991 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้จะเป็นสัญญาณที่ดี โดยวายแอลจียังมองว่าปีนี้ทองคำจะยังไปถึงเป้าหมาย 4,380-4,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ คาดว่ามีโอกาสไปถึง 67,000-67,500 บาทต่อบาททองคำ โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 61,600-61,200 บาท
ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำในช่วงนี้ YLG แนะนำลงทุนผ่านตลาดฟิวเจอร์สเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระดับสูง เพราะใช้เงินลงทุนเพียง 10% ของราคาทองคำ และสามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด โดยล่าสุดวายแอลจีได้ออกโปรโมชั่นพิเศษ เทรดทอง–หุ้น TFEX ค่าคอมมิชชั่นลดสูงสุดถึง 80% มอบโอกาสให้นักลงทุนเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น ลดค่าคอมฯ ตั้งแต่สัญญาแรกโดยไม่มีขั้นต่ำ สำหรับอัตราค่าคอมมิชชั่นที่ปรับลด ได้แก่ SET50 Index Futures เหลือเพียง 15 บาท จากปกติ 77.6 บาท , Gold Online Futures เหลือ 40 บาทต่อสัญญา จากปกติ 178 บาท ,Block Trade ลดเหลือ 0.07% จากเดิม 0.1%, Currency Futures เหลือ 5 บาท จากปกติ 10.10 บาท นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ผ่านระบบ E-Open Account ได้สะดวก รวดเร็ว โดยไม่เสียค่าบริการยืนยันตัวตนผ่าน NDID พร้อมบริการฝาก–ถอนเงินผ่านแอป Streaming ที่รองรับการฝากเงินแบบ Realtime เงินเข้าทันที และถอนเงินได้รับภายในวันเดียว YLG Futures ยังเพิ่มศักยภาพการเทรดด้วยเครื่องมือครบครัน ทั้ง TFEX Combo (Auto Position, Combination Order) และ Robot Trade ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Settrade Open API ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการความคล่องตัว นอกจากนี้ ยังมีทีมเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างโอกาสทำกำไรได้ทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างมั่นใจ