สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(11 พฤศจิกายน 2568)---------BLC ประกาศผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,257.1 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 123.1 ล้านบาท หรือ 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะกำไรสุทธิ 137.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.8 ล้านบาท หรือ 13% (YoY) ปัจจัยเติบโตมาจากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง (Cosmetics) และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมทั้งช่องทางการจัดจำหน่ายร้านขายยา และออนไลน์ขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ 9 เดือนเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนและแข็งแกร่ง โค้งสุดท้ายเล็งวางจำหน่ายยาสามัญใหม่รักษาโรคเบาหวาน คาดโรงงานใหม่จะเสร็จภายในปี 2569 หนุนผลงานโตต่อ
ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ และยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 (กรกฎาคม - กันยายน) ปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 403.9 ล้านบาท เติบโต 5.4 ล้านบาท หรือ 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของกลุ่มผลิตเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 40.2 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการทำแบรนด์และการตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า เพื่อสร้างการรับรู้และตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2568 บริษัทฯ สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่น โดยมีรายได้จากการขายและให้บริหารอยู่ที่ 1,257.1 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 123.1 ล้านบาท หรือ 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะกำไรสุทธิ 137.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.8 ล้านบาท หรือ 13% (YoY) ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากความสำเร็จด้านการสร้าง Brand Awareness ให้กับ Hero Product ของบริษัทฯ ส่งผลให้ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง (Cosmetics) เติบโต 42.7% (YoY) และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเติบโตก้าวกระโดด 30% (YoY) ผสานกับการขยายตัวของช่องทางการจัดจำหน่ายร้านขายยาเติบโต 14.2% (YoY) และช่องทางออนไลน์ที่เติบโตอย่างโดดเด่นถึง 119% (YoY) รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross profit margin) อยู่ที่ระดับ 58.7% เติบโต 5.2% (YoY) ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (Net profit margin) อยู่ที่ 10.9% สะท้อนความสามารถในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 ว่าจะยังคงเติบโต โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญจากกลยุทธ์เชิงรุกและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ 1) การเปิดตัวยาสามัญใหม่ (New Generic Drug) บริษัทฯ เตรียมพร้อมวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสามัญใหม่สำหรับรักษาโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ป่วยในยุคปัจจุบัน โดยมีจุดเด่นด้านประสิทธิภาพ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 โดยใช้เป็นยาเดี่ยว หรือใช้ร่วมกับยารักษาเบาหวานตัวอื่น 2) กลยุทธ์การตลาดและช่องทางจำหน่าย บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการนำยาสามัญใหม่เข้าสู่บัญชีนวัตกรรม เพื่อขยายช่องทางการเข้าถึงในกลุ่มโรงพยาบาล ควบคู่ไปกับการขยายตลาดในช่องทางร้านขายยา และการจัดกิจกรรมเพื่อสร้าง Brand Awareness ให้กับผลิตภัณฑ์ในวงกว้าง นอกจากนี้ การก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่มีความคืบหน้าอย่างมาก โดยดำเนินการแล้วเสร็จไปกว่า 88% และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ พร้อมเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2569 เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตและโอกาสทางธุรกิจในอนาคต
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLC กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังมองเห็นโอกาสการเติบโตมหาศาลในอุตสาหกรรมยาและการดูแลสุขภาพ โดยคาดการณ์ว่าระหว่างปี 2568-2570 มูลค่าการจำหน่ายยาในประเทศจะขยายตัวเฉลี่ย 6.0-7.0% ต่อปีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) ภายในปี 2576 รวมถึงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคความดันโลหิตสูง และเบาหวาน นอกจากนี้ ปัจจัยด้านการขยายตัวของเมือง มลพิษทางอากาศ (PM2.5) และปัญหาด้านสุขภาพ ยังเป็นตัวเร่งให้ความต้องการบริโภคยาในประเทศมีมากขึ้น
“เรามั่นใจในทิศทางการเติบโตของ BLC ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การเปิดตัวยารักษาเบาหวานตัวใหม่ และความคืบหน้าของโรงงานแห่งใหม่ จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้เราพร้อมคว้าโอกาสจากเทรนด์การดูแลสุขภาพที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด บริษัทฯ จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไป” ภก.สุวิทย์ กล่าว