Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.โกลเบล็ก : SMO ประเมินราคาเหมาะสมปี 69 ที่ 8.00 บาทต่อหุ้น

92

 

 

SMO ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ
และไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ

บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก คือ น้ำมันปาล์มดิบ เมล็ดในปาล์มอบแห้ง และอื่นๆ อีกทั้งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ ผ่านการนำผลิตภัณฑ์พลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำมันปาล์มดิบนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ 1) ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันกับธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 2) ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินซึ่งเป็นเงินที่บริษัทกู้ยืมมาเพื่อขยายธุรกิจ 3) เงินทุนสำหรับโครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับ ESG และ 4) เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมของ SMO สำหรับปี 69 ที่ 8.00 บาทต่อหุ้น

 

Investment Highlight
SMO ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ
บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) ตัวย่อ “SMO” ประกอบธุรกิจหลัก 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องโดยบริษัทมีโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มดิบทั้งสิ้น 4 โรงงานอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2 โรงงานโดยมีกำลังการผลิตแห่งละ 75 ตันปาล์มต่อชั่วโมง จังหวัดชุมพร 1 โรงงานมีกำลังการผลิต 60 ตันปาล์มต่อชั่วโมง และจังหวัดสระบุรี 1 โรงงานมีกำลังการผลิต 30 ตันปาล์มต่อชั่วโมง และ 2) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ (“Biogas”) บริษัทมีโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ 3 โรงงาน อยู่ที่จังหวัดจังหวัดสุราษฎร์ธานี 2 โรงงานมีสัญญาขายไฟฟ้า 5.7 MW และ 5.0 MW ตามลำดับ และอยู่ที่จังหวัดชุมพร 1 โรงงานมีสัญญาขายไฟฟ้า 2.0 MW โดยรายได้ปี 2565-2567 อยู่ที่ 6.8 5.9 และ 6.3 พันลบ.ตามลำดับโดยคิดเป็นอัตราการหดตัวเฉลี่ย 4%ต่อปี แต่รายงานกำไรปี 2565-2567 เติบโตจาก 130 ลบ. สู่ 260 ลบ. หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 42%ต่อปี ขณะที่รายได้และกำไร 1H68 อยู่ที่ 5.0 พันลบ. และ 519 ลบ. เติบโต 72%YoY และเติบโต 305%YoY ตามลำดับ

คาดอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มไทยปี 2568-2569 มีแนวโน้มขยายตัว
ศูนย์วิจัยกรุงศรีคาดว่าอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีแนวโน้มขยายตัว โดยในช่วงปี 2568-2569 อุปทานมีทิศทางเพิ่มขึ้นโดยได้ปัจจัยหนุนจาก 1) ผลผลิตต่อไร่ที่สูงขึ้นตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยโดยเฉพาะภาคใต้ 2) เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่สูงจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงอายุของต้นปาล์มที่เหมาะสม และ 3) แรงจูงใจในการเก็บเกี่ยวจากราคาผลปาล์มที่สูง อย่างไรก็ตาม อุปทานปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มโดยรวมมีทิศทางหดตัวในปี 2570 จากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ที่คาดว่าจะกลับมา ส่วนอุปสงค์ในช่วงปี 2568-2570 คาดว่าจะเร่งตัวขึ้น โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากความต้องการใช้ในประเทศ ได้แก่ 1) คำสั่งซื้อในอุตสาหกรรมต่อเนื่องโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และโอเลโอเคมิคอลที่จะฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยว 2) ภาคขนส่งที่จะเติบโตตามการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ 3) มาตรการภาครัฐในการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล โดยผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่มีแนวโน้มพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลเพื่อรองรับการใช้น้ำมันดีเซลที่มีสัดส่วนไบโอดีเซลสูงขึ้น

ศูนย์วิจัยกรุงศรี คาดว่าโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบในปี 2568-2569 ได้แรงหนุนของตลาดในประเทศที่ฟื้นตัว การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว การขยายตัวของภาคขนส่งเชิงพาณิชย์ และมาตรการสนับสนุนการใช้ไบโอดีเซลของภาครัฐ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากำลังการผลิตโดยรวมของโรงสกัดส่วนใหญ่สูงกว่าปริมาณผลปาล์มสดที่ออกสู่ตลาด ทำให้เกิดการแข่งขันรับซื้อวัตถุดิบ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและกดดันโอกาสในการทำกำไรของธุรกิจ โดยเฉพาะโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบรายย่อยที่ไม่มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับโรงกลั่นน้ำมันหรืออุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ น้ำมันไบโอดีเซล ผลิตภัณฑ์กลุ่มโอเลโอเคมิคอล (Oleochemicals) หรือผลิตภัณฑ์พลอยได้จากการผลิต อาทิ
กลีเซอรีนบริสุทธิ์ สารเปลี่ยนสถานะ (Phase Change Material : PCM) แฟตตี้แอลกอฮอล์ (Fatty Alcohols)


คาดการณ์กำไรปี 68-69 ราว 695-842 ลบ. เติบโต 21% ต่อปี
เราคาดการณ์รายได้ปี 68 อยู่ที่ราว 9.0 พันลบ. เติบโต 44%YoY เนื่องจากมีการซื้อโรงงานหีบน้ำมันปาล์มในจังหวัดชุมพร 1 โรงงานเพิ่มตั้งแต่เดือน ก.พ. 67และปริมาณผลปาล์มสดที่เก็บเกี่ยวได้เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวที่ 11.7% จากราคาวัตถุดิบทรงตัวในระดับใกล้เคียงปีก่อน ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดว่าจะปรับตัวขึ้นจาก 286 ลบ. สู่ 340 ลบ. ตามการเพิ่มจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นหลังซื้อโรงงานจังหวัดชุมพร 1 โรงงาน และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ที่ 694 ลบ. เพิ่มขึ้น 168%YoY

เราคาดการณ์รายได้ปี 69 อยู่ที่ราว 1.1 หมื่นลบ. เติบโต 20%YoY จากบริษัทวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 75 ตันปาล์มต่อชั่วโมงที่โรงงานหีบน้ำมันปาล์มสาขาพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานีในปี 69 และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้น 11.6% สู่ 12.0% เนื่องจากการประหยัดจากขนาดและการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดว่าจะปรับตัวขึ้นจาก 340 ลบ. สู่ 391 ลบ. เพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นและจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นตามการขยายกำลังการผลิตที่สาขา พนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 69 ที่ 842 ลบ. เติบโต 21%YoY


SMO ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ
และไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ

บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก คือ น้ำมันปาล์มดิบ เมล็ดในปาล์มอบแห้ง และอื่นๆ อีกทั้งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ ผ่านการนำผลิตภัณฑ์
พลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำมันปาล์มดิบนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ 1) ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันกับธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 2) ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินซึ่งเป็นเงินที่บริษัทกู้ยืมมาเพื่อขยายธุรกิจ 3) เงินทุนสำหรับโครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับ ESG และ 4) เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมของ SMO สำหรับปี 69 ที่ 8.00 บาทต่อหุ้น
Investment Highlight
SMO ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ
บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) ตัวย่อ “SMO” ประกอบธุรกิจหลัก 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องโดยบริษัทมีโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มดิบทั้งสิ้น 4 โรงงานอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2 โรงงานโดยมีกำลังการผลิตแห่งละ 75 ตันปาล์มต่อชั่วโมง จังหวัดชุมพร 1 โรงงานมีกำลังการผลิต 60 ตันปาล์มต่อชั่วโมง และจังหวัดสระบุรี 1 โรงงานมีกำลังการผลิต 30 ตันปาล์มต่อชั่วโมง และ 2) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ (“Biogas”) บริษัทมีโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ 3 โรงงาน อยู่ที่จังหวัดจังหวัดสุราษฎร์ธานี 2 โรงงานมีสัญญาขายไฟฟ้า 5.7 MW และ 5.0 MW ตามลำดับ และอยู่ที่จังหวัดชุมพร 1 โรงงานมีสัญญาขายไฟฟ้า 2.0 MW โดยรายได้ปี 2565-2567 อยู่ที่ 6.8 5.9 และ 6.3 พันลบ.ตามลำดับโดยคิดเป็นอัตราการหดตัวเฉลี่ย 4%ต่อปี แต่รายงานกำไรปี 2565-2567 เติบโตจาก 130 ลบ. สู่ 260 ลบ. หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 42%ต่อปี ขณะที่รายได้และกำไร 1H68 อยู่ที่ 5.0 พันลบ. และ 519 ลบ. เติบโต 72%YoY และเติบโต 305%YoY ตามลำดับ
คาดอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มไทยปี 2568-2569 มีแนวโน้มขยายตัว
ศูนย์วิจัยกรุงศรีคาดว่าอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีแนวโน้มขยายตัว โดยในช่วงปี 2568-2569 อุปทานมีทิศทางเพิ่มขึ้นโดยได้ปัจจัยหนุนจาก 1) ผลผลิตต่อไร่ที่สูงขึ้นตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยโดยเฉพาะภาคใต้ 2) เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่สูงจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงอายุของต้นปาล์มที่เหมาะสม และ 3) แรงจูงใจในการเก็บเกี่ยวจากราคาผลปาล์มที่สูง อย่างไรก็ตาม อุปทานปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มโดยรวมมีทิศทางหดตัวในปี 2570 จากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ที่คาดว่าจะกลับมา ส่วนอุปสงค์ในช่วงปี 2568-2570 คาดว่าจะเร่งตัวขึ้น โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากความต้องการใช้ในประเทศ ได้แก่ 1) คำสั่งซื้อในอุตสาหกรรมต่อเนื่องโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และโอเลโอเคมิคอลที่จะฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยว 2) ภาคขนส่งที่จะเติบโตตามการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ 3) มาตรการภาครัฐในการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล โดยผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่มีแนวโน้มพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลเพื่อรองรับการใช้น้ำมันดีเซลที่มีสัดส่วนไบโอดีเซลสูงขึ้น

ศูนย์วิจัยกรุงศรี คาดว่าโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบในปี 2568-2569 ได้แรงหนุนของตลาดในประเทศที่ฟื้นตัว การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว การขยายตัวของภาคขนส่งเชิงพาณิชย์ และมาตรการสนับสนุนการใช้ไบโอดีเซลของภาครัฐ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากำลังการผลิตโดยรวมของโรงสกัดส่วนใหญ่สูงกว่าปริมาณผลปาล์มสดที่ออกสู่ตลาด ทำให้เกิดการแข่งขันรับซื้อวัตถุดิบ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและกดดันโอกาสในการทำกำไรของธุรกิจ โดยเฉพาะโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบรายย่อยที่ไม่มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับโรงกลั่นน้ำมันหรืออุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ น้ำมันไบโอดีเซล ผลิตภัณฑ์กลุ่มโอเลโอเคมิคอล (Oleochemicals) หรือผลิตภัณฑ์พลอยได้จากการผลิต อาทิ
กลีเซอรีนบริสุทธิ์ สารเปลี่ยนสถานะ (Phase Change Material : PCM) แฟตตี้แอลกอฮอล์ (Fatty Alcohols)
คาดการณ์กำไรปี 68-69 ราว 695-842 ลบ. เติบโต 21% ต่อปี
เราคาดการณ์รายได้ปี 68 อยู่ที่ราว 9.0 พันลบ. เติบโต 44%YoY เนื่องจากมีการซื้อโรงงานหีบน้ำมันปาล์มในจังหวัดชุมพร 1 โรงงานเพิ่มตั้งแต่เดือน ก.พ. 67และปริมาณผลปาล์มสดที่เก็บเกี่ยวได้เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวที่ 11.7% จากราคาวัตถุดิบทรงตัวในระดับใกล้เคียงปีก่อน ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดว่าจะปรับตัวขึ้นจาก 286 ลบ. สู่ 340 ลบ. ตามการเพิ่มจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นหลังซื้อโรงงานจังหวัดชุมพร 1 โรงงาน และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ที่ 694 ลบ. เพิ่มขึ้น 168%YoY

เราคาดการณ์รายได้ปี 69 อยู่ที่ราว 1.1 หมื่นลบ. เติบโต 20%YoY จากบริษัทวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 75 ตันปาล์มต่อชั่วโมงที่โรงงานหีบน้ำมันปาล์มสาขาพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานีในปี 69 และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้น 11.6% สู่ 12.0% เนื่องจากการประหยัดจากขนาดและการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดว่าจะปรับตัวขึ้นจาก 340 ลบ. สู่ 391 ลบ. เพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นและจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นตามการขยายกำลังการผลิตที่สาขา พนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 69 ที่ 842 ลบ. เติบโต 21%YoY

 

 

ประเมินราคาเหมาะสมปี 69 ของ SMO อยู่ที่ 8.00 บาทต่อหุ้น
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินราคาเหมาะสม SMO ด้วยวิธี Market Comparable Approach อิง Prospective PE ที่ระดับ 8.8x เป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีของหลักทรัพย์ APO UPOIC UVAN และ VPO ซึ่งดำเนินธุรกิจคล้ายคลึงกับ SMO เราประเมินกำไรสุทธิต่อหุ้นในปี 69 ราว 0.9 บาท ส่งผลให้คำนวณเป็นราคาเหมาะสมปี 69 ที่ 8.00 บาท

 

 

 

ปัจจัยเสี่ยง
1. ความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาและการขาดแคลนวัตถุดิบ
2. ความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาน้ำมันปาล์มดิบ
3. ความเสี่ยงด้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบ
4. ความเสี่ยงจากการไม่สามารถดำเนินการผลิต หรือหยุดชะงักชั่วคราวของโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มดิบ
5. ความเสี่ยงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของกระแสผู้บริโภค และสินค้าทดแทน
6. ความเสี่ยงจากการที่บริษัทมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด

 


Analyst: Nuttawut Wongyaowarak
02-687-8505
nuttawut@globlex.co.th
Assistant: Raweewit Jansri

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

มีแต่ขายออก By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็น กระแสทุนนอก นักลงทุนต่างชาติ มีแต่ขายหุ้นออก อย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อ เศรษฐกิจ...

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้