Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

76

 

ก่อนปลาจะตาย ปลาจะต้องดิ้นก่อน


HORIZON MARKET VIEW
•ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีน มีสัญญาณผ่อนคลายลงไปอีกระดับหนึ่ง นับตั้งแต่การพบปะระหว่างปธน.ทรัมป์และสี จิ้นผิง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งการเจรจาเป็นไปอย่างชื่นมื่น พร้อมบรรลุข้อตกลงพักรบทางการค้าชั่วคราว ขณะที่ล่าสุด จีนประกาศระงับการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติม 24% สำหรับสินค้าจากสหรัฐฯเป็นเวลา 1 ปี แต่จะยังคงเก็บภาษีในอัตรา 10% ต่อไป มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. เป็นต้นไป
• นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าที่ศาลฎีกาสหรัฐฯ นัดไต่สวนต่อคดีมาตรการเรียกเก็บภาษีของทรัมป์ “ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่” พบว่า ผู้พิพากษาหลายท่าน (แต่งตั้งโดย
พรรครีพับลิกัน) แสดงความสงสัยต่อการใช้ กฎหมาย IEEPA เพื่อเรียกเก็บภาษี อาทิROBERTS กล่าวว่า การเก็บภาษีเป็นอำนาจของรัฐสภา รวมถึง GORSUCH และBARRETT ตั้งคำถามเชิงลึกถึงขอบเขตของอำนาจ ปธน.


REGION RADAR
•AMGEN รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 สูงกว่าคาด โดยรายได้อยู่ที่ $9.5 พันล้าน+12% YOY (สูงกว่าคาด 7%) และ EPS อยู่ที่$5.64 (สูงกว่าคาด 13%) จากแรงหนุนของยาหลักที่เติบโตแข็งแกร่งแนะนำเก็งกำไร AMGEN
• ราคาหุ้น ELI LILLY ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 52 WEEKหลังจากก่อนหน้านี้บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาแข็งแกร่ง สวนทางกับคู่แข่งอย่าง NOVO NORDISK ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์

THAI FOCUS
• ภาพเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตที่ต่างกันในหลายภาคส่วน โดยมีภาคการส่งออก เป็นพระเอกที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง แต่ภาพรวมของ "เศรษฐกิจภายในประเทศ" สะท้อนผ่านเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง 7 เดือนติด และตัวเลข GDP ที่ยังต่ำ บ่งชี้ว่ายังมีความอ่อนแอในหลายส่วนอยู่มาก
• ความเห็น ASPS นโยบายการเงินและการคลัง อาจจะต้องทำงานประสานกันในช่วงนับจากนี้ เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศและประคองความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืด (DEFLATION) ที่อาจเกิดขึ้นได


SYNAPSE STRATEGY
•ตลาดหุ้น NASDAQ เพิ่งเกิดสัญญาณ HINDENBURG OMEN คือสัญญาณเตือนว่าตลาดแปลกๆ ขัดแย้งกัน คือ หุ้นขึ้นลงแรงๆ พร้อมกัน แต่เอนเอียงทางลงซึ่งในอดีตมักจะตามมาด้วยการปรับฐานเสมอ
• อาจกดดันให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนด้วยได้ ขณะที่วันนี้ MSCI ประกาศหุ้นเข้าออกดัชนีMSCI SMALL CAP มีหุ้นไทยเข้า 1 ตัว คือ M และมีหุ้นออก 5 ตัว คือ AAV, CKP, JTS, QH, TPIPP มีผลบังคับใช้ ราคาปิดวันที่ 24 พ.ย. 68 ส่วนหุ้นเด่นวันนี้ชอบ TRUE, GULF, BLA

 


HORIZON MARKET VIEW
พัฒนาการประเด็น TARIFF คืบหน้า
ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีน มีสัญญาณผ่อนคลายลงไปอีกระดับหนึ่ง นับตั้งแต่การพบปะระหว่างปธน.ทรัมป์และสี จิ้นผิงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งการเจรจาเป็นไปอย่างชื่นมื่น พร้อมบรรลุข้อตกลงพักรบทางการค้าชั่วคราว ขณะที่ล่าสุด จีนประกาศระงับการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติม 24% สำหรับสินค้าจากสหรัฐฯเป็นเวลา 1 ปี แต่จะยังคงเก็บภาษีในอัตรา 10% ต่อไป มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. เป็นต้นไปนอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าที่ศาลฎีกาสหรัฐฯ นัดไต่สวนต่อคดีมาตรการเรียกเก็บภาษีของทรัมป์ “ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่” พบว่า ผู้พิพากษาหลายท่าน (แต่งตั้งโดยพรรครีพับลิกัน) แสดงความสงสัยต่อการใช้ กฎหมายIEEPA เพื่อเรียกเก็บภาษีอาทิ ROBERTS กล่าวว่า การเก็บภาษีเป็นอำนาจของรัฐสภารวมถึง GORSUCH และBARRETT ตั้งคำถามเชิงลึกถึงขอบเขตของอำนาจ ปธน. ทั้งนี้ ผลโพลในตลาดฯ คาดว่า คดีที่นโยบายภาษีของทรัมป์เป็นเรื่องถูกกฎหมายมีโอกาสชนะลดลงหากศาลฯ ตัดสินให้ภาษีไม่ชอบด้วยกฎหมาย BLOOMBERG คาดว่า บริษัทผู้นำเข้าอาจได้รับเงินคืนจำนวนมหาศาลกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ (หุ้นกลุ่ม ผู้นำเข้า / ค้าปลีก / อุตสาหกรรมใช้วัตถุดิบนำเข้า เช่นWALMART, HOME DEPOT, GM อาจได้อานิสงส์จากต้นทุนลดลง) อีกทั้งทรัมป์อาจสูญเสียเครื่องมือสำคัญในการต่อรองทางการค้าซึ่งจะเป็นการจำกัดอำนาจของ ปธน. อย่างมีนัยสำคัญ


อีกประเด็นในมุมตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด ADP เผยการจ้างงานภาคเอกชนเดือน ต.ค. 69 เพิ่มขึ้น 42,000ตำแหน่ง หลังจากลดลง 29,000 ตำแหน่ง ในเดือนก่อนหน้าและสูงกว่าตลาดคาดที่ 30,000 ตำแหน่ง สะท้อนถึงการฟื้นตัวเล็กน้อยของตลาดแรงงาน แม้ยังอยู่ในภาวะอ่อนตัว

 

REGION RADAR
AMGEN งบไตรมาส 3 ดีกว่าคาด ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้
AMGEN รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 สูงกว่าคาด โดยรายได้อยู่ที่ $9.5 พันล้าน+12% YOY (สูงกว่าคาด7%) และ EPS อยู่ที่ $5.64 (สูงกว่าคาด 13%) จากแรงหนุนของยาหลักที่เติบโตแข็งแกร่ง เช่น PROLIA และREPATHA นอกจากนี้ บริษัทปรับเพิ่มแนวโน้มรายได้ปี 2025 สู่ระดับ $3.58–$3.66 หมื่นล้าน (จากเดิม $3.50–$3.60 หมื่นล้าน) และคาดกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $20.60–$21.40 โดยแนะนำเก็งกำไร AMGEN จากผลประกอบการที่ออกมาแข็งแกร่ง


ราคาหุ้น ELI LILLY ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 52 WEEK
วานนี้ราคาหุ้น ELI LILLY (LLY US) +2.09% โดยปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 52 WEEK หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาแข็งแกร่ง สวนทางกับคู่แข่งอย่าง NOVO NORDISK(NVO US) ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ทั้งรายได้และกำไร อีกทั้งบริษัทได้มีการปรับคาดการณ์รายได้และกำไรลงจากเดิม สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันของ ELI LILLY ที่แข็งแกร่งกว่าคู่แข่งค่อนข้างมากจากการเข้าไปเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในตลาดยารักษาเบาหวาน GLP-1 ได้ต่อเนื่อง แนะนำเก็งกำไร ELI LILLY (DR: LLY80)

THAI FOCUS
แม้เงินเฟ้อจะมีติดลบ 7 เดือนติด แต่เศรษฐกิจไทยอาจไม่ได้แย่มากนัก
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือน ต.ค.68ของไทย อยู่ที่ -0.76%YOY (ติดลบ 7 เดือนติด)ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่-0.7%YOY สาเหตุหลัก : ราคาพลังงานที่ผันผวน และการลดค่าครองชีพ/มาตรการรัฐ ส่วนคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อ 4Q68 จะอยู่ที่ -0.52%YOY แต่ประเมินว่าการออกมาตรการและการใช้จ่ายปลายปีอาจจะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นและอาจจะกลับมาเป็นบวกได้(คงการคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2568 ไว้ที่ 0.0%) จึงอาจเป็นเหตุผลที่ธปท.เห็นด้วย และมีมุมมองเลือก “คงดอกเบี้ย” ในการประชุมรอบ ธ.ค.68 ก็เป็นได้(BOND YIELD 10 ปีไทยอยู่ระดับ 1.70% สูงกว่าดอกเบี้ยนโยบาย 20 BPS.)

 


ขณะที่ในมุมของกระทรวงพาณิชย์ได้ปรับคาดการณ์การส่งออกของไทยปีนี้ ให้เติบโตสูงขึ้นเป็น 9.5-10.5% จากเดิมที่คาดไว้เพียง 2-3% ตามการเติบโต YOY ในช่วง 9 เดือนแรกของปีในหลายประเทศ ทั้งสหราชอาณาจักรเติบโตโดดเด่นที่ 183.8% รองลงมาคือ อินเดีย (+39.4%) และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (+28.6%) ขณะที่เงินเฟ้อปี68 น่าจะทรงตัวต่ำเพียง -0.1 ถึง 0.1% และคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวที่ 1.8-2.2% ตามการประเมินเดิม

สรุป ภาพเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตที่ต่างกันในหลายภาคส่วน โดยมี "การส่งออก" เป็นพระเอกที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง(โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่/ฟื้นตัว) แต่ภาพรวมของ "เศรษฐกิจภายในประเทศ" สะท้อนผ่านเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง7 เดือนติด และตัวเลข GDP ที่ยังต่ำ บ่งชี้ว่ายังมีความอ่อนแอในหลายส่วนอยู่มากดังนั้นความเห็น ASPS นโยบายการเงินและการคลัง อาจจะต้องทำงานประสานกันในช่วงนับจากนี้ เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศและประคองความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืด (DEFLATION) ที่อาจเกิดขึ้นได้

 

SYNAPSE STRATEGY
เริ่มมีสัญญาณเตือน ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับฐานมากขึ้น
ตลาดหุ้น NASDAQ เพิ่งเกิดสัญญาณ HINDENBURG OMEN คือ สัญญาณเตือนว่าตลาดแปลกๆ ขัดแย้งกันคือ หุ้นขึ้นลงแรงๆ พร้อมกัน แต่เอนเอียงทางลง (หมายเหตุ: ชื่อสัญญาณถูกอ้างอิงมาจาก ประวัติศาสตร์เรือเหาะ HINDENBURG เคยระเบิด เมื่อ 6 พ.ค. 1937) ตามเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้
▪ ตลาดอยู่ในขาขึ้น (INDEX > MA(50 DAY))
▪ จำนวนหุ้นในดัชนีทำ 52 WEEK LOW และ HIGH เกิน 2.2% พร้อมกันทั้งคู่
▪ จำนวนหุ้น NEW LOW > 2*NEW HIGH
▪ จำนวนหุ้นส่วนใหญ่ลงมากกว่าขึ้น (MCCLELLAN < 0)
ซึ่งในอดีตมักจะตามมาด้วยการปรับฐานเสมอ โดยตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้น NASDAQ เคยเกิดสัญญาณHINDENBURG OMEN มาแล้ว 5 ครั้ง ปรับฐานทุกครั้ง -10%, -15%, -5%, -38%, -24% ช่วงเวลาตามภาพทางด้านล่าง แล้วปัจจุบันก็เพิ่งเกิดขึ้นครั้งที่ 6 และถ้ายิ่งมีสัญญาณนี้ถี่ๆ จะยิ่งเป็นการเตือนมากขึ้นเท่านั้น“อย่างไรก็ดีตัวชี้วัดดังกล่าวเป็นแค่สัญญาณเตือนในตัวเลขเชิงสถิติที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยในอนาคตอื่นๆ ประกอบ”


สัญญาณดังกล่าว อาจกดดันให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนด้วยได้ ขณะที่วันนี้ MSCI ประกาศหุ้นเข้าออกดัชนี MSCISMALL CAP มีหุ้นไทยเข้า 1 ตัว คือ M และมีหุ้นออก 5 ตัว คือ AAV, CKP, JTS, QH, TPIPP มีผลบังคับใช้ราคาปิดวันที่ 24 พ.ย. 68 ปกติหุ้นที่ถูกปรับเข้าจะขึ้นได้ดีก่อนวันมีผลบังคับใช้ สวนทางกับหุ้นที่ออกมักจะถูกกดดัน กลยุทธ์ยังคงแนะนำถือเงินสดในพอร์ตเพิ่ม 10% - 20% ชอบ TRUE, GLUF, BLA

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

บริหารเงิน By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม นักลงทุน คงต้องบริหารเงิน บริหารจัดการตัวเอง บนเส้นทางของตลาดหุ้น อัตราการแจกทรัพย์ มีแสงริบรี่ บนหลุมดำ ...

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้