คาด SET Index แกว่งตัวออกข้าง: แรงหนุนมาจากภาพตลาดแรงงานสหรัฐที่ดีขึ้น ส่วนแรงกดดันมองประเด็นความไม่แน่นอนของคดีกำแพงภาษียังกดดันUpside ของตลาด

แนวรับ-ต้าน
1,285 –1,305

กลยุทธ์การลงทุน
1) เก็งงบ 3Q68: AP, BDMS, KCE, MAJOR, MTC,OR, PRM, SAWAD, TIDLOR, TTA, TTW,GULF, PR9
2) มาตรการ/โครงการภาครัฐ: AEONTS, CENTEL,CHAYO, CPALL, CPAXT, CRC, KBANK, KKP,KTB, SCB, TTB, ICHI
3) Selective: M, TISCO, BH

ภาคแรงงานสหรัฐดี แต่มีลุ้นคดี Tariff ต่อ

รับแรงหนุนจากตัวเลขภาคแรงงาน: ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยโดยดัชนี Dow Jones NASDAQ และ S&P500 ปิดบวก0.48% 0.65% และ 0.37% ตามลำดับ หลังตัวเลขภาคแรงงานADP Nonfarm Employment Change เดื อน ต.ค. 68 ออกมาเพิ่มขึ้น 4.2 หมื่นตำแหน่ง มากกว่าที่ตลาดคาดที่ 3.2 หมื่นตำแหน่ง
และ พลิกมาเป็นบวกอีกครั้งหลังเดือนก่อนลดลงกว่า 2.9 หมื่นตำแหน่ง ตัวเลขดังกล่าวออกมามากที่สุดในรอบ 6 เดือน ช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนในประเด็นการชะลอตัวลงของภาคแรงงานสหรัฐที่เฟดเคยระบุว่าเป็นความเสี่ยงที่น่ากังวลจนทำให้เกิดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในรอบการประชุมที่ผ่านมาคาดเป็นSentiment บวกกับตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน แต่ยังต้องจับตาทิศทางนโยบายการเงินของเฟดต่อด้วยตัวเลขภาคแรงงานที่เริ่มฟื้นตัวอาจทำให้เฟดตัดสินใจคงดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือน ธ.ค. ล่าสุดBond Yields สหรัฐอายุ 10 และ 2 ปี พุ่งขึ้นมาที่ระดับ 4.14% และ3.62% อีกครัง้ สอดคล้องกับทิศทาง Fedwatch tools ที่ปรับเพิ่มน้าหนักการคงอัตราดอกเบี้ยจากเดิมที่ 31.4% เป็น 35.5%

ทุกสายตาจับจ้องไปที่ศาลฎีกาสหรัฐ : ตลาดยังไม่เร่งเพิ่มน้าหนักการลงทุนเนื่องจากยังมีปัจจัยน่ากังวลจากการเริ่มวินิจฉัยของศาลฎีกาสหรัฐในคดีการบังคับใช้กำแพงภาษีของทรัมป์ โดยผู้ฟ้องได้ฟ้องปธน.สหรัฐในฐานที่บังคับใช้กำแพงภาษี เพื่อควบคุมการค้าระหว่างประเทศ จนทำให้การบังคับใช้ภาษีดังกล่าว เป็นไปในเชิงควบคุม มากกว่าเพื่อหารายได้ให้ภาครัฐ นอกจากนี้ยังเห็นว่าอำนาจดังกล่าวเป็นของสภาคองเกรสมากกว่า รมต.คลังสหรัฐ เผยหากครั้งนี้ทรัมป์แพ้คดี สหรัฐอาจต้องชำระคืนเงินค่าภาษีกว่า 7.5 แสนล้านดอลลาร์ และรัฐบาลอาจเผชิญภาวะขาดดุลครั้งใหญ่ เบื้องต้น CNBCระบุศาลจะยังไม่เผยแพร่คำตัดสินในวันพุธ(ตามเวลาสหรัฐ) และกระบวนการอาจไปสิ้นสุดในเดือน มิ.ย. 69

MSCI Rebalance มาแล้ว: MSCI ประกาศปรับน้ำหนักดัชนี โดยMSCI Small Cap มีหุ้นเข้าคำนวนใหม่ คือ M ส่วนหุ้นที่ถูกนำออกจากการคำนวณคือ AAV CKP JAS QH และ TPIPP ส่วนในดัชนีอื่นๆไม่ได้มีการเปลี่ยนน้าหนักหุ้นไทย จึงมองอาจกระทบตลาดจำกัด

ปัจจัยเพิ่มเติม
(+)รอยเตอร์รายงานว่า จีนประกาศระงับการเก็บภาษีเพิ่มเติมในอัตรา 24%ส าหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐเป็นเวลา 1 ปี แต่จะยังคงเก็บภาษีในอัตรา 10%ต่อไป
(+) กบง. มีมติเห็นชอบให้คงราคาขายส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) หน้าโรงกลัน่ที่ 20.9179 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน มาตรการนี้จะมีผลบังคับใชต้้ง้ แต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568
(+) คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน คาดเศรษฐกิจไทยปี 68 มีแนวโน้มขยายตัว 1.8-2.2% ตามที่ประเมินไว้เดิม แต่ปรับเพิ่มประมาณการส่งออกปี68 จาก 2-3% เป็น 9.5-10.5%
(+) กรมศุลกากรเตรียมเดินหน้าเก็บภาษีสินค้านำเข้าผ่านแพลตฟอร์ม Ecommerce ตัง้ แต่บาทแรก โดยคิดค่าอากร 10% และ VAT อีก 7% คาดจะเรมิ่ 1 ม.ค. 69 เพื่อลดผลกระทบจากการที่สินค้าไม่ได้มาตรฐานทะลักเข้ามา

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์- นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์