Pi Daily ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มกลับมาฟื้นตัว สอดคล้องกับที่มองไว้ก่อนหน้าว่าเป็นเพียงแรงทำกำไรปกติ ตัวเลขสหรัฐฯ เมื่อคืนรายงานมาค่อนข้างดี แต่ตลาดไม่กังวลใดๆมากเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ย ในประเทศเงินเฟ้อต่ำและน่าจะทรงตัวระดับต่ำ หนุนการลดดอกเบี้ย ดีกับตลาดหุ้นโดยรวมและการเงินกับค้าปลีก (อสังหาฯ เชิงจิตวิทยามากกว่า)

 

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 225 จุด (+0.48%) ได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีของสหรัฐฯ รวมถึงนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับมูลค่า ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.4% ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันล้นตลาด

 

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้ประกาศตัวเลข PMI ภาคบริการจากสถาบัน ISM ที่ระดับ 52.4 มากกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 50.7 พร้อมกับการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ที่ 4.2 หมื่นรายดีกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 3.2 หมื่นราย สะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีจึงกดดันให้เห็นการปรับขึ้นของ US Bond Yield ทั้งรุ่นอายุ 2 , 10 ปี พร้อมกับ Dollar Index ที่ทยอยปรับแข็งค่าขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตามไม่ถึงกับกดดันตลาดหุ้นอย่างมีนัยยะเมื่อคืนหุ้น Technology ยังคงปรับขึ้นได้ มองเป็นปัจจัยหนุนต่อ DELTA ในตลาดหุ้นไทยสำหรับวันนี้ ส่วนปัจจัยในประเทศเมื่อวานที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ประกาศเงินเฟ้อประจำเดือนกันยายนพบว่าลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน (-0.7%YoY) ปัจจัยหลักมาจากราคาสินค้ากลุ่มพลังงานที่ลดลงทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงตามนโยบายของภาครัฐ ประกอบกับราคาพลังงานในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้แล้วราคาในกลุ่มอาหารสดยังคงลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด แต่หากไม่รวมราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและอาหาร (เงินเฟ้อพื้นฐาน) จะพบว่าขยายตัวเล็กน้อยที่ 0.6%YoY ด้วยเงินเฟ้อที่ค่อนข้างต่ำและเศรษฐกิจที่เติบโตไม่มาก จึงเชื่อว่าน่าจะเห็นธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดดอกเบี้ยหลังจากนี้ดีกับกลุ่มการเงิน ค้าปลีกและตลาดหุ้นโดยรวม สำหรับอสังหาฯมองบวกเล็กน้อยยังเชื่อว่าดอกเบี้ยมีผลจำกัดต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ประเมินในเรื่องของกำลังซื้อมีผลมากกว่า (คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญต้องติดตาม) วันนี้คาดการณ์ว่า SET INDEX น่าจะฟื้นตัวในกรอบ 1290 – 1310 รับจิตวิทยาเชิงบวกจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯผสานกับเอเชียที่เช้านี้เริ่มฟื้นตัว (Nikkei +1.9%) ประกอบกับไทยมีความคาดหวังเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยหลังรายงานเงินเฟ้อในระดับที่ค่อนข้างต่ำและแนวโน้มน่าจะต่ำต่อเนื่องจากการที่ราคาพลังงานลดลง กลยุทธ์การลงทุนยังคงมองการปรับฐานเป็นโอกาสเข้าสะสมในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากภาครัฐ อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL CPAXT) ธนาคาร (SCB) ศูนย์การค้า (CPN) การเงิน (MTC)  

 

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 78.00 บาท)

คาดรายงานกำไรสุทธิ 3Q25 ที่ 6.6 พันล้านบาท (+6%YoY, -6%QoQ) หนุนจากการขยายสาขา และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 10 bps YoY แม้คาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 ยังคงทรงตัว YoY

 

SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 146.00 บาท)

คุณภาพสินเชื่ออาจอ่อนแอลง SCB เพิ่มความระมัดระวังด้วยการตั้งสำรองหนี้ฯ พิเศษรวม 3 พันลบ. ใน 9M25 รองรับความผันผวน และอาจพิจารณากลับเป็นรายได้ในอนาคตหากสถานการณ์คลี่คลายลง