ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

4 พ.ย. 2568 09:22:11 92

Market Wrap-Up

SET วันที่ 3 พ.ย.68 ปิด -0.64 จุด อยู่ที่ 1,308.86 จุด มูลค่าการซื้อขาย 29,741 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 173 ลบ. สถาบันขาย 1,923 ลบ. ต่างชาติซื้อ 649 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,448 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,041 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTT,TRUE,DELTA,KBANK,BDMS และยอดขายหุ้น PTTEP,BH,BBL,SCC,THAI มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 950 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HK01,CK,CN01 โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 10,896 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 76,947 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,820 ลบ.

Market View

DJIA -0.48%, S&P500 +0.17%, Nasdaq +0.46% โดย DJIA ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มบริการสุขภาพ เช่น UnitedHealth -2.3%, Merck -4.1% ขณะที่กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +7%, เทคโนโลยี +0.39% นำโดย Amazon +4% หลังทำข้อตกลงกับ OpenAI มูลค่า $3.8 หมื่น ล. เพื่อขยายงานด้าน AI บนระบบคลาวด์ของ AWS ส่วน Nvidia +2.2% หลัง ปธน.ทรัมป์เผยจะสงวนสิทธิ์การใช้ชิป Blackwell เฉพาะการใช้งานในสหรัฐเท่านั้น ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ISM เผยดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐ ต.ค. ลดลงอยู่ที่ 48.7 & คาด 49.4 โดยประเด็นสำคัญวันพรุ่งนี้ศาลฎีกาสหรัฐจะไถ่สวนคดีเรียกเก็บภาษีศุลกากรของ ปธน.ทรัมป์ว่าเข้าข่ายใช้เกินกว่าขอบเขตของ กม.IEEPA ปี 1977 หรือไม่
Stoxx600 ยุโรป +07% นำโดยกลุ่มยานยนต์ เช่น Renault, Mercedez-Benz หลังจีนอนุญาตให้ Nexperia ผู้ผลิตชิปสัญชาติเนเธอร์แลนด์ในจีนสามารถส่งออกชิปได้ ซึ่งช่วยลดปัญหาด้าน Supply Chain ของผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรป โดยดัชนียังได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +0.6%, ท่องเที่ยว +1.7% นำโดย Ryanair +3.9% หลังราคาค่าตั๋วโดยสารปรับสูงขึ้น ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ PMI ภาคการผลิตยูโรโซน ต.ค.ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 50.0 และวันที่ 6 พ.ย.ติดตามผลการประชุม BOE อังกฤษคาดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.0%
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิปิดทำการในวันหยุด ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +55% ได้แรงหนุนจากหุ้น Foxconn Industral +4% หลังจีนบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐในการส่งออกแร่หายาก แลกกับสหรัฐปรับลดภาษีศุลกากรสินค้าจีนจาก 57% ลงมาอยู่ที่ 47% สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจนั้น RatingDog เผยดัชนี PMI ภาคการผลิตจีน ต.ค. ชะลอตัวอยู่ที่ 50.6 ต่ำกว่าคาดที่ 50.9 ส่วนดัชนี Kospi เกาหลีใต้ +2.78% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี เช่น Samsung Electronics +3.35%, SK Hynix +10.9% และกลุ่มป้องกันประเทศ Hanwha Aerospace +6.4% ตอบรับกำไรไตรมาสที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า
SET วานนี้ -05% ปริมาณการซื้อขาย 2.97 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 1,923 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 173 ลบ. ต่างชาติซื้อ 649 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,448 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายหุ้นกลุ่ม Global Play เช่น ปิโตรเคมี, บรรจุภัณฑ์ และวัสดุก่อสร้าง หลังข้อมูล PMI ภาคการผลิตจีน ต.ค.อยู่ที่ 49.0 & 49.8 อยู่ในโซนหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 เช่นเดียวกับ PMI ภาคการผลิตเกาหลีใต้ ต.ค.ลดลงอยู่ที่ 49.4 & ก.ย. 50.7 ส่งผลลบต่อประมาณการณ์กำไรของกลุ่ม Global Play ในงวด Q4/68 ด้วย ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ อิเล็กทรอนิกส์ +1.8% ได้ปัจจัยหนุนการลงทุนด้าน Data Center & AI และกลุ่มธนาคาร +0.25% จากคาดการณ์ Dividend Yield ปีนี้เฉลี่ยสูงกว่ระดับ 6% ส่วนผลการประชุม ครม.เศรษฐกิจวานนี้ได้อนุมัติโครงช่วยเหลือหนี้รายย่อยผ่าน AMC รายละไม่เกิน 1 แสนบาท จำนวน 4.76 ล.บัญชี มูลค่าหนี้ราว 1.22 แสน ลบ. ซึ่งจะช่วยลดภาระหนี้ภาคครัวเรือน และเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคได้ในอนาคต ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันพรุ่งนี้ ก.พาณิชย์จะรายงาน CPI ไทย ต.ค. คาด -0.7% & ก.ย. -0.72% YoY และการทยอยรายงานงบ บจ.หลัก ๆ เช่น ADVANC,TRUE,GULF,OR โดย BB คาดกำไร บจ.ไทยงวด Q3/68 +20% YoY แต่ -30% QoQ

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,295 - 1,300 แนวต้าน 1,320 คาดดัชนีมีโอกาสทรงตัวระหว่างรอการรายงานงบ Q3/68 แนะนำทยอยซื้อกลุ่มโรงไฟฟ้า GULF,BGRIM,GUNKUL ครม.เตรียมพิจารณา ม.Quick Win ด้านพลังงาน และซื้อเก็งกำไรหุ้นที่คาดกำไร Q3/68 เติบโตดี เช่น ADVANC,TRUE,OR,CPN,WHAUP, กลุ่มได้ประโยชน์จาก ม.แก้ไขหนี้รายย่อย เช่น SCB,TTB,SAWAD,MTC,AEONTS,CHAYO
GFPT* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 12.80 บาท) แนวโน้ม 3Q68 คาดกำไรเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY แม้การผลิตบางส่วนจะถูกกระทบจากการหาแรงงานทดแทนชาวกัมพูชาบางส่วนที่กลับประเทศไป แต่อาจชดเชยได้ด้วยต้นทุนการเลี้ยงที่ยังปรับลงต่อ หักล้างกับปริมาณส่งออกไก่ ราคาไก่ และส่วนแบ่งกำไรของ GFN และ McKey ได้ ส่วนแนวโน้ม 4Q68 คาดปริมาณส่งออกไก่ฟื้นตัว QoQ และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเริ่มฟื้นตัว ขณะที่ราคาไก่น่าจะเริ่มฟื้นตัวได้หลังช่วงเทศกาลกินเจ โดยยังคงได้รับประโยชน์จากฝั่งต้นทุนช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้น เบื้องต้นตลาดคาดกำไรสุทธิในปี 68 ที่ 39 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน +15%YoY
CCET* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 93บาท) คาดกำไร 2H68 ฟื้นตัวจาก1) ยอดขายเริ่มกลับมาหลังผลกระทบภาษีทรัมป์ชัดเจนขึ้น 2) demand สินค้ากลุ่ม storage ยังดี 3) ธุรกิจ smart wearable ขยายตัว ส่วน GPM มีแนวโน้มดีขึ้นจากการขายสินค้ามาร์จิ้นสูงได้มากขึ้นซึ่งช่วยลดทอนผลของบาทแข็งค่า สำหรับปี69 มีปัจจัยหนุนจากลูกค้ารายใหม่และ model ผลิตภัณฑ์ใหม่ ปัจจุบัน IAA consensus คาดกำไรปี68 และ 69 ที่ 2,742 ลบ.+5%YoY และ 3,203 ลบ.+17%YoY

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ธ.ค.+$0.07 อยู่ที่ $61.05 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. +$0.12 อยู่ที่ $64.89/บาร์เรล หลังโอเปกพลัสจะระงับการเพิ่มกำลังการผลิตใน ม.ค. – มี.ค. ปีหน้า จากความกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด กอปรข้อมูล PMI ภาคการผลิตจีน & เกาหลีใต้ ต.ค.ชะลอตัว

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$17.50 อยู่ที่ $4,014 /ออนซ์. โดยทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐยังอยู่ในภาวะชัตดาวน์เป็นวันที่ 34 และรอประเมินเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุม ธ.ค. หรือไม่

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +59.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +19.96 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +62.12 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -22.52 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านี่อ่อนค่าอยู่ที่ 32.54 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.109 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -21 อยู่ที่ 1,945

(-) BitCoin เช้านี้ -2.84% อยู่ที่ 106,583 ดอลลาร์สหรัฐ

(0)ประชุม ธ.กลางออสเตรเลียคาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 3.6%

Economic Calendar

ในประเทศ

สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

ต่างประเทศ

03 ก.ย. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ต.ค.)

04 ก.ย. US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ก.ย.)

05 ก.ย. US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)( ต.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ต.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

)

Theme Strategy

เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายหลักของรัฐบาลอนุทิน (รัฐบาลระยะสั้น 4 เดือน) เร่งใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick wins, วงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และ Earning momentum / Seasonal 3Q68-4Q68

(1) ค้าปลีก / บริโภค นโยบายคนละครึ่งพลัส – กระตุ้นกำลังซื้อ, ลดค่าใช้จ่าย CPAXT*, BJC, TNP*, KK*, MOTHER*, ICHI*, CBG*

(2) การเงิน / นอนแบงค์ นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่อง SME, คาดการณ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย MTC*, SAWAD*, TIDLOR*, KTC*, NCAP*, SINGER*, SGC*, FSMART*, AP*, SPALI*, CPN*, DIF*, 3BBIF*

(3) รับเหมาก่อสร้าง เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการก่อสร้างภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน STECON, CK, SEAFCO*, PYLON*

(4) ท่องเที่ยว ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ AOT, CENTEL*, ERW*

(5) ไอซีที / ดิจิทัล ปราบปรามภัยไซเบอร์, การลงทุนด้าน Digital, Cyber Security, Data Center ADVANC, DELTA*, GULF*, BGRIM*, BCPG*, SECURE*

(6) ด้านสาธารณสุข ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอและเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด KTMS*, BIZ* ลดค่ายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน การเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในซื้อยาเองได้ HL* (เก็งกำไร)

(7) Solar ภาคประชาชน, มาตรการลดหย่อยภาษี Solar rooftop ครัวเรือน / Direct PPA GULF*, GUNKUL*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio October 2025: WHAUP*, PRM*, BCPG*, KLINIQ, TFM*

Analysts

Apichai Raomanachai

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939

Tel 02-829-6999 Ext 2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662