สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 24 ตุลาคม 2568)----ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่า crack spread น้ำมันดีเซลในเอเชียจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงเดือนพ.ย.-ธ.ค.68 หลังแตะจุดสูงสุดในปีนี้ที่ 23 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนต.ค. 68 โดยโรงกลั่นของรัสเซียต้องหยุดการผลิต จากเหตุโจมตีด้วยโดรน ทำให้กำลังการผลิตลดลงมากสุดถึง 1.4 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.ย.68 (อุปทานน้ำมันดีเซลส่วนเพิ่มหายไปประมาณ 300kbd mom) ส่งผลให้ศูนย์กลางการค้าน้ำมัน Amsterdam-RotterdamAntwerp (ARA) มีปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังต่ำ

นอกจากนี้ การที่โรงกลั่น BP Rotterdam ปิดซ่อมบำรุงในเดือนก.ย. และโรงกลั่นในตะวันออกกลางปิดซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 (เพิ่มเป็น 880kbd ในไตรมาส 4/68 จาก 340kbd ในไตรมาส 3/68 ตามข้อมูลของ Kpler ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน) จะทำให้อุปทานยิ่งตึงตัว ดังนั้น แม้ว่ากำลังการผลิตที่หยุดเดินเครื่องของโรงกลั่นรัสเซียจะลดลงเหลือ 600-800kbd ในเดือนต.ค.-พ.ย. ซึ่งจะทำให้อุปทานน้ำมันดีเซลกลับเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น แต่ความต้องการน้ำมันดีเซลช่วงฤดูหนาวจะยังช่วยหนุน crack spread ของน้ำมันดีเซลในเอเชีย

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI พบว่า crack spread ของน้ำมันเบนซินในเอเชียเพิ่มขึ้นจาก 11.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนก.ย. 68 เป็น 14.3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนต.ค. 68 เพราะโรงกลั่น BP Whiting หยุดการผลิตนอกแผนและโรงกลั่นในยุโรปปิดซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้น โดย Reuters รายงานว่าหน่วย FCC (fluid catalytic cracking) ของโรงกลั่น Dangote ในประเทศไนจีเรียยังไม่กลับมาเปิดดำเนินงาน หลังปิดไปในเดือนส.ค.68 ส่งผลให้มีการส่งออกน้ำมันเบนซินจำกัด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า crack spread ของน้ำมันเบนซินในเอเชียอาจลดลงเล็กน้อย mom ช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. 68 จากอุปสงค์ที่ลดลงตามฤดูกาล

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า แม้ crack spread ของผลิตภัณฑ์ middle distillate จะยังแข็งแกร่ง แต่ค่าการกลั่นสิงคโปร์ (S-GRM) ที่เป็น benchmark กลับอยู่ที่เพียง 2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนต.ค.68 เนื่องจาก Reuters ปรับเพิ่มน้ำหนักของน้ำมันเตาในการคำนวณค่า GRM จากเดิม 23% เป็น 32% เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 68 นอกจากนี้ ต้นทุนน้ำมันดิบยังคำนวณจากราคาน้ำมันในอดีต (ย้อนหลังไป 11 วันและใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 7 วัน) ต่างจากเดิมที่ใช้ราคาในตลาด spot ซึ่งหากใช้สูตรราคาก่อนหน้านี้ S-GRM อาจสูงถึง 7.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนต.ค. 68

ขณะเดียวกัน เชื่อว่าโรงกลั่นไทยจะยังมี GRM ทรงตัวที่ประมาณ 6-7 เหรียญสหรัฐ/ บาร์เรลในไตรมาส 4/68และการที่โรงกลั่น Phillip 66 ใน LA (139k บาร์เรล/วัน) ปิดกิจการอาจช่วยป้องกัน downside ของ GRM ดังนั้นในไตรมาส 4/68  จึงคาดว่า BCP จะได้ประโยชน์จาก crack spread ที่แข็งแกร่งของน้ำมันดีเซลและน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ส่วน GRM ของ TOP น่าจะยังลดลงจากค่าขนส่งส่วนเพิ่ม เนื่องจากทุ่นจอดเรือกลางทะเล (SBM) ยังไม่เปิดใช้งาน ขณะที่เชื่อว่า GRM ของ SPRC จะได้รับผลกระทบจากค่าซ่อมบำรุง ส่วนโรงกลั่นของ PTTGC จะหยุดการผลิตเป็นเวลา 50 วันช่วง เดือนต.ค.-พ.ย.68

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI จึงยังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) ในกลุ่มโรงกลั่นของไทย เพราะการปิด ซ่อมบำรุงโรงกลั่นหลายโครงการน่าจะช่วยหนุน GRM ในระยะสั้น อีกทั้งกลุ่มนี้จะมี upside risk หากโรงกลั่นทั่วโลกปิดซ่อมบำรุงกำลังการผลิตมากกว่าคาดเนื่องจากจะทำให้อุปทานยังตึงตัว ส่วน downside risk จะมาจากต้นทุนน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางที่สูงกว่าคาด