สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 22 ตุลาคม 2568)---------กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ย้ำแผนป้องกัน และปราบปรามการลักลอบส่งออกกัญชานอกราชอาณาจักร เดินหน้าตรวจสอบการลักลอบส่งออกช่อดอกกัญชาผ่านทางระบบขนส่งไปรษณีย์ พร้อมเตรียมหาแนวทางร่วมกันในการตรวจเช็คพัสดุ และบันทึกหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมชี้แม้กัญชาปลดล็อกแต่ยังคงต้องมีการควบคุม รวมถึง แนะประชาชนปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด เลี่ยงส่งของละเมิดกฎหมายทั้งในและต่างประเทศ
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทยพร้อมด้วยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กองสืบสวนและปราบปราม รวมถึง กรมศุลกากรได้หารือแนวทางในการตรวจสอบและดำเนินคดีกรณีตรวจพบการลักลอบส่งออกกัญชาทางไปรษณีย์ โดยล่าสุดได้มีการขยายความร่วมมือในการตรวจสอบและอายัด โดยไปรษณีย์ไทยทำหน้าที่ตรวจสอบด้วยเครื่องเอกซเรย์เพื่อค้นหาวัตถุต้องสงสัย ซึ่งระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 จนถึงเดือนตุลาคม 2568 ไปรษณีย์ไทยได้ตรวจพบชิ้นงานต้องสงสัยลักลอบส่งกัญชาด้วยเครื่องเอ็กซเรย์สะสมกว่า 8,000 ชิ้น คิดเป็นเฉลี่ยเดือนละ 0.4% ของปริมาณงานที่ส่งผ่านช่องทางไปรษณีย์ ตรวจสอบและอายัดโดยศุลกากรแล้วกว่า 6,000 ชิ้น และรอกรมการแพทย์แผนไทยฯ ตรวจสอบอีกกว่า 1,500 ชิ้น
ดร.ดนันท์ กล่าวเพิ่มว่า ไปรษณีย์ไทยมีมาตรการสกัดกั้นการลักลอบส่งกัญชาผ่านช่องทางไปรษณีย์ ได้แก่ 1. การประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ใช้บริการไปรษณีย์ว่า กัญชาเป็นสิ่งของต้องห้ามฝากส่ง 2. กำหนดมาตรการให้มีการตรวจสอบ/หุ้มห่อสิ่งของ ณ ที่ทำการไปรษณีย์สำหรับสิ่งของปลายทางออกนอกราชอาณาจักร 3. ตรวจสอบคัดกรองอีกครั้งด้วยเครื่องเอกซเรย์ ณ ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ ก่อนส่งมอบพัสดุต้องสงสัยให้ตัวแทนสายการบิน หรือหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง (กรมศุลกากร กรมการแพทย์แผนไทยฯ) และ 4. ประสานความร่วมมือกับกรมการแพทย์แผนไทย และกรมศุลกากรในการเข้าตรวจสอบและอายัด เนื่องจากไปรษณีย์ไทยไม่มีอำนาจในการเปิดตรวจสอบได้เอง
อย่างไรก็ตาม ไปรษณีย์ไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบส่งออกกัญชาไปนอกราชอาณาจักร ตลอดจนการละเมิดกฎหมายอื่น ๆ และขอความร่วมมือจากผู้ใช้บริการทุกท่าน ตรวจสอบรายการสิ่งของก่อนการจัดส่ง และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อร่วมกันรักษาความปลอดภัยในระบบขนส่งและคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของบริการไปรษณีย์ไทยในระดับสากล
ด้าน นางสาวจิตศ์ตราฎ์ หมีทองธนกรณ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และประธานคณะกรรมการปราบปราม การกระทำความผิดด้านกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมแก้ปัญหาลักลอบส่งออกกัญชา ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการ พร้อมด้วยผู้แทนจากบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นกรรมการร่วมเพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบส่งออกกัญชานอกราชอาณาจักร โดยมีการประชุมวางแผนและประสานงานแนวทางจัดการร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หลังการประชุมคณะกรรมการปราบปรามการกระทำความผิดด้านกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อ 14 ตุลาคม 2568 ณ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยมีมติให้เร่งรัดการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงข้อห้ามในการส่งออกกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้จัดส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีอำนาจตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 เข้าดำเนินการตรวจยึดพัสดุดังกล่าว โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัทไปรษณีย์ไทยในการเปิดพัสดุ ตรวจสอบ และบันทึกหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ภายหลังตรวจสอบพบการลักลอบส่งออกช่อดอกกัญชามากกว่า 1,500 ชิ้น ผ่านทางระบบขนส่งพัสดุ ซึ่งทางไปรษณีย์ไทยได้คัดแยกพัสดุต้องสงสัยไว้ เพื่อตรวจสอบก่อนเข้าสู่กระบวนการศุลกากร
นางสาวจิตศ์ตราฎ์ฯ เผยขั้นตอนในการดำเนินการอีกว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทยพบพัสดุต้องสงสัยว่าซุกซ่อนช่อดอกกัญชา ไปรษณีย์ไทยจะประสานกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเข้าตรวจสอบ และกรมการแพทย์แผนไทยฯ ดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร และเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบ หากยืนยันว่าพัสดุที่ตรวจพบเป็นช่อดอกกัญชา พนักงานเจ้าหน้าที่จะทำบันทึกตรวจยึด พร้อมระบุรายละเอียดพัสดุ ผู้ส่ง ผู้รับ ปริมาณและเหตุผล พร้อมดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี และส่งมอบของกลางให้พนักงานสอบสวนต่อไป
ด้าน ดร.นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า กรมการแพทย์แผนไทยฯ พร้อมเดินหน้าปฏิบัติการลงพื้นที่ต่อเนื่องเพื่อเร่งรัดการตรวจยึดและดำเนินคดีกับผู้ลักลอบกระทำผิด ผ่านการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายปกครองเพื่อตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน โดยลงพื้นที่บังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบส่งออกสมุนไพรควบคุมกัญชา ณ สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ สามารถดำเนินการผู้กระทำความผิด 33 ราย รวมถึงยึดช่อดอกกัญชากว่า 1,000 ชิ้น ทั้งนี้ การลักลอบขนช่อดอกกัญชาออกนอกประเทศ ถือเป็นความผิดตามกฎหมายราชอาณาจักรไทย แม้กัญชาจะถูกปลดล็อกบางส่วนในประเทศ แต่การส่งออกช่อดอกกัญชายังคงถูกควบคุมอย่างเข้มงวด หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษตามมาตรา 78 คือ โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ