Company Note
SAPPE
แนวโน้ม 3Q25F คาดอ่อนตัวทั้ง YoY และ QoQ จากการส่งออกที่ลดลงเป็นหลัก
จากในทวีปอเมริกาจากผลกระทบภาษีนำเข้าสหรัฐฯ และเอเชียจากประเทศอินโดนีเซียลดลง เนื่องจากตัวแทนจำหน่ายรุ่นใหม่ที่ยังไม่มีความชำนาญ กลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้นได้แก่ทวีปยุโรป จากการเคลียร์สต๊อกสินค้าจบลงแล้ว และตะวันออกกลางเริ่มดีขึ้น ในส่วนประเทศไทยยังเติบโตจากการออกสินค้าใหม่ แนวโน้มผลประกอบการ Q4 ยังมีความท้าทาย เรายังคงแนะนำ “ถือ”
คาดกำไรสุทธิ 3Q25F ลดลง YoY และ QoQ จากยอดขายการส่งออกลดลง
เราคาดกำไรสุทธิ 3Q25F อยู่ที่ 205 ล้านบาท (-32% YoY, -17% QoQ) โดยยอดขายในประเทศเติบโต YoY จากการออกสินค้าใหม่ มุ่งเน้นสินค้าหลักและช่องทางจำหน่าย แต่ QoQ คาดลดลงเนื่องจากเข้าสู่ช่วง low season ฤดูฝน ในขณะที่ยอดส่งออกคาดลดลง -21% YoY และ -15% QoQ มาจากผลกระทบภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการขายลดลงจากต้นทุนของตัวแทนจำหน่ายที่อาจปรับราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น และทวีปเอเชียจากประเทศอินโดนีเซียลดลง แม้ว่ากลุ่มประเทศตะวันออกกลางเริ่มดีขึ้นจากปัญหาสงคราม (รายได้ส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 69% ลดลงจาก 76% YoY และ 71% QoQ) อัตราทำกำไรขั้นต้นคาดลดลง จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ลดลงตามรายได้และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบน้ำตาลและ packaging ที่ปรับตัวลดลง คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายคาดใกล้เคียงเดิมตามสัดส่วนรายได้
คาดผลประกอบการปีนี้อ่อนตัว จากการส่งออกไม่เป็นไปตามคาดจากเศรษฐกิจชะลอตัว
แนวโน้มผลประกอบการ 4Q25F ยังมีความท้าทาย เนื่องจากในประเทศยังอยู่ในช่วงฤดูฝน แต่มีโครงการคนละครึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น และการส่งออกอาจจะกลับมาดีขึ้นหลังจากที่ชะลอตัวในช่วงก่อนหน้า เราคงประมาณการเดิมคาดกำไรปี 2025-26F อยู่ที่ 995 ล้านบาท (-20%YoY) และ 1.1 พันล้านบาท (+11%YoY) ตามลำดับ จากคาดรายได้ส่งออกลดลง 29% จากการส่งออกไปทวีปยุโรปในประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสที่มี demand ที่ลดลง การขยายช่องทางจำหน่ายใน modern trade ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และประเทศเกาหลีใต้ที่อ่อนตัวลงจากภาพรวมเศรษฐกิจและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเทศอินโดนีเซียมีปัญหาจากเรื่องตัวแทนจำหน่ายมีการเปลี่ยนทีมผู้บริหารใหม่ ความชำนาญด้านการตลาดยังมีไม่มาก สำหรับในประเทศคาดเพิ่มขึ้น 20% จากการทำการตลาดออกสินค้าใหม่ คาดอัตรามาร์จิ้นลดลงจากสัดส่วนการส่งออกที่ลดลงและคาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากการทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ
เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” จากแนวโน้มผลประกอบการปีนี้อ่อนตัว และคาดจะเริ่มกลับดีขึ้นในปีหน้า ราคาเป้าหมาย 37.5 บาท อ้างอิง PER-1.5SD เฉลี่ยที่ 11.5X จากผลประกอบการที่มีความผันผวนจากการส่งออกจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PER25F อยู่ที่ 11.2X Dividend Yield 25F อยู่ที่ 6.6% ROE25F อยู่ที่ 22.5% ฐานะการเงินแข็งแกร่ง D/E เพียง 0.3X ความเสี่ยง : เศรษฐกิจชะลอตัวและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น