---แรงกดดันต่อ marketing margin น้ำมันน้อยลง---

เมื่อวันที่ 17–18 ตุลาคม 2025 นักวิเคราะห์ DBSVTH ได้เข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าขยะเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel: RDF) ของ PTG ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 6 เมกะวัตต์ (MW) และกำลังการกำจัดขยะ 480 ตันต่อวัน โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้ทำสัญญาขายไฟกับ กฟผ. (EGAT) แล้วในปริมาณ 4.5 MW ภายใต้อัตรารับซื้อแบบ Feed-in Tariff (FiT) ที่6.0 บาทต่อหน่วยเป็นระยะเวลา20 ปี นอกจากนี้ โรงไฟฟ้ายังมีสิทธิได้รับ ค่าธรรมเนียมกำจัดขยะ (Tipping Fee) จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอัตรา 200 บาทต่อตัน โดยมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นเป็น 550 บาท ต่อตันในปี 2026โรงไฟฟ้า RDF แห่งนี้มีแผนจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงปลาย4Q25F

คาดโรงไฟฟ้า RDF แห่งนี้ จะเพิ่มกำไรสุทธิปี 2026F ที่ประมาณ 17-60 ล้านบาท อิงกับสมมติฐาน net profit margin ที่ 10-20% ซึ่งเป็นส่วนเพิ่มที่น้อยกว่า 5% ของคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2026F

แรงกดดันต่อค่าการตลาด (Marketing Margin) ของสถานีบริการน้ำมันมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ วันที่ 19 ต.ค.25 ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนน้ำมันฯติดลบอยู่ที่ 14,754 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันบวกอยู่ที่ 26,910 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 41,664 ล้านบาท

คาดกำไร 3Q25F ทรงตัว QoQ แม้เป็น low season ทั้งนี้ค่าการตลาด (Marketing Margin) ใน 3Q25F ปรับตัวดีขึ้นเป็น 1.70–1.80 บาทต่อลิตร (เทียบกับ 1.65 บาท ใน 3Q24 และ1.66 บาท ใน 2Q25)ซึ่งไปช่วยชดเชยกับปริมาณขายมีแนวโน้มลดลงราว 5–8% QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล

รายได้ที่ไม่ใช่น้ำมันขยายตัวสูง คาดปริมาณขายน้ำมันปี 2025F เพิ่มขึ้น 5-10% จากการเปิดสถานีบริการน้ำมันเพิ่มประมาณ 50 แห่ง และเปิดร้านกาแฟพันธุ์ไทยเพิ่มราว 600 แห่ง ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่น้ำมันคาดว่าจะขยายตัว 40-50% จากการขยายสาขา ส่วนมาร์จิ้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น จากสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันสูงขึ้น

คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท (DCF) โดยเลื่อนอิงกับผลประกอบการปี 2026F

นักวิเคราะห์ : ดุลเดช บิค : duladethbik@dbs.com : Tel. 02 857 7833