ภาวะตลาด SET Index วานนี้รีบาวด์ นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (รายได้ non-NII ใน 3Q25 มีแนวโน้มดีกว่าคาด) กลุ่มอุปโภคบริโภคในประเทศ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ปิ ดตลาดดัชนี ปรับขึ้น +9.86 จุด ปิดที่ 1284.47 แต่มูลค่าซื้อขายลดเหลือเพียง2.6 หมื่นลบ. สถาบันในปท.และต่างชาติซื้อ-ขายสุทธิกลุ่มละไม่มาก

ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ: ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจทำเนียบขาวคาดการชัตดาวน์มีแนวโน้มสิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้ แต่หากยังไม่เกิดขึ้น รัฐบาลทรัมป์ อาจใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น เพื่อบังคับให้พรรคเดโมแครตให้ความร่วมมือ
• สหรัฐ: นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลกำไรบจ.ในดัชนี S&P500 จะเติบโตที่ 9.3%YoY ใน 3Q25ซึ่งเพิ่มจากคาดการณ์เมื่อ1 ต.ค.ที่ระดับ 8.8%YoY
• จีน: การผลิตภาคอุตสาหกรรมก.ย.โต 6.5% ดีกว่าคาด-ยอดค้าปลีกเพิ่ม 3%-การลงทุนอสังหาฯยังหดตัว -13.9% ใน 9M25-รายงาน GDP 3Q25 ขยายตัว 4.8%YoY ซึ่งเป็นอัตราที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 1 ปี และลดจาก 5.2% ใน 2Q25-ธนาคารกลางจีนมีมติคงดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีเอาไว้ที่ 3.0% และ ประเภท 5 ปีไว้ที่ 3.5% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด...ตลาดประเมินว่าทางการจีนอาจมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมใน 4Q25 เพื่อบรรลุเป้าหมายเติบโต 5% ปีนี้...จับตาการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ณ กรุงปักกิ่ง วันที่ 20-23 ต.ค.นี้
• เวียดนาม: รัฐบาลตรวจสอบ Novaland กรณีใช้เงินจากการออกพันธบัตรผิดวัตถุประสงค์ และผิดนัดชำระดอกเบี้ยพันธบัตรแปลงสภาพมูลค่า 335 ล้าน US$ เมื่อ 16 ต.ค.25..เป็ น Sentiment ลบกับ AMATA โดยก่อนหน้านี้ AMATA ได้ตกลงขายหุ้น 51% ในบริษัทย่อย 2 แห่งในเวียดนาม ให้กับบริษัทย่อยของ Nova Land มูลค่า 1.5 พันล้านบาทภายในสิ้นปี 2026 ซึ่งข่าวนี้ ทำให้การขายหุ้นดังกล่าวของ AMATA มีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSVTH ยังไม่ได้รวมการขายบริษัทย่อยดังกล่าวไว้ในประมาณการ
• ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบจ. และคลายกังวลกับคุณภาพสินเชื่อธนาคารระดับภูมิภาค รวมทั้งหวังว่าชัตดาวน์จะสิ้นสุดภายในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI & Brent อ่อนเล็กน้อย เป็น 57-61 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาทองคำปรับขึ้น +146.1 US$ สู่ 4,359.40 US$/ออนซ์ โดยตลาดเชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนนี้ ดัชนีค่าเงิน US$ ทรงที่ 98.5 เงินบาท 32.5 Bt/US$ ส่วน US bond yield 10 ปี ถอยเป็ น 3.98% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ทรงที่ 104 ดัชนี Baltic Dry Index ขยับขึ้นเป็น 2,071

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• ไทย: รัฐบาลเล็งเดินหน้า “คนละครึ่งพลัส” เฟส 2 คาดจะเป็นเดือนม.ค.26 แต่จะมีเงื่อนไข คือ ร้านค้าต้องผ่านการ Upskill Reskill ก่อน ในขณะที่ฝั่ง ประชาชน ผู้ที่จะได้รับการพิจารณาสิทธิก่อน คือ ผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิในโครงการ "คนละครึ่ง พลัส" ในเฟส 1
• กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : กำไรก่อนสำรอง 3Q25F มีโอกาสดีกว่าคาด จากรายได้ non-NII ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะกำไรจากตีมูลค่าเงินลงทุนตามราคาตลาด ขณะที่รายได้ NII ยังชะลอตัวจากสินเชื่อหดและ NIM แคบลง ธนาคารบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี แต่ยังมีต้นทุนเครดิตยังคงสูง รองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ เชื่อว่าธนาคารยังคงจ่ายปันผลสูงได้ต่อ

• SPA: มี Big lot จำนวน 30.398 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 3.02 บาท/หุ้น (เท่ากับราคาปิดวานนี้) มูลค่ารวม 91.8 ล้านบาท

กลยุทธ์ : ยืนเหนือ 1280 ได้ แต่มูลค่าซื้อขายซบเซามาก ยังควรระวังการแกว่งตัว วานนี้ SET เด้งขึ้นไปปิดเหนือ 1280 ได้ แต่แรงซื้อแผ่วลงไปมาก จึงยังควรระวังการแกว่งตัวแนวรับ 1275-1270, 1265-1260 การปรับขึ้นต่อมี แนวต้าน 1290-1295, 1300-1310, 1320 ตามลำดับ

หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : KKP – ธนาคารมี non-NII ที่ดีขึ้นมาก ทั้งจากธุรกิจ wealth management ธุรกิจบริหารจัดการกองทุน รายได้ขายประกัน ธุรกิจ Dime! กำไรจากการตีมูลค่าเงินลงทุนตามราคาตลาด และขาดทุนจากขายรถยึดลดลง ด้านคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น NPL ภาพรวมลดลง โดยหลักมาจากการลดลงของ NPL กลุ่มเช่าซื้อ ขณะที่กลุ่มอี่นทรงตัว แนวโน้มยังไปได้ดี แม้ว่าสินเชื่อและ NII จะหดตัวแต่ non-NII ที่แข็งแกร่งช่วยหนุนผลประกอบการ เราปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ (เดิมถือ) ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 80 บาท คาดการณ์ DY ปี 25F-26F ไว้ที่ 6.5% ต่อปี

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829