สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (15 ตุลาคม 2568 )-----ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต หรือ INETREIT ประกาศความคืบหน้าครั้งสำคัญ หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัตินับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (ไฟลิ่ง) สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเข้าลงทุนในศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพิ่มเติม โครงการ INET-IDC3 เฟส 2 ส่วนขยาย ตอกย้ำสถานะการเป็นกองทรัสต์ที่ลงทุนตรงใน Data Center ทั้งหมด กองแรกและกองเดียวในไทย พร้อมเสริมศักยภาพการสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยอย่างยั่งยืน

นายสุตกานต์ แน่นหนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเม้นท์ จํากัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า INETREIT เตรียมเข้าลงทุนเพิ่มเติมในกรรมสิทธิ์ (Freehold) ตู้ Rack พร้อมอุปกรณ์การเชื่อมต่อและเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ Core Network, หน่วยประมวลผลและหน่วยจัดเก็บข้อมูล จำนวน 246 Rack ภายในโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 ส่วนขยาย ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นทำเลที่มีความเสี่ยงต่ำจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ด้วยมูลค่าการลงทุนสูงสุดไม่เกิน 2,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับราคาประเมินของผู้ประเมินอิสระที่ประเมินมูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวไว้ในช่วง 3,028 – 3,029 ล้านบาท โดยการลงทุนในครั้งนี้ จะส่งผลบวกต่อกองทรัสต์อย่างมีนัยสำคัญ ช่วยเพิ่มสัดส่วนทรัพย์สินประเภทกรรมสิทธิ์ของกองทรัสต์ สร้างความมั่นคงในระยะยาว นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะส่งผลให้ประมาณการการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วย (DPU) เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 0.01 บาทต่อหน่วย เมื่อเทียบกับกรณีที่กองทรัสต์ไม่เพิ่มทุน อ้างอิงจากรายงานประมาณการงบกำไรขาดทุนและการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตามสถานการณ์สมมติ สำหรับช่วงเวลาประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 – วันที่ 31 ตุลาคม 2569

ทั้งนี้ การลงทุนเพิ่มเติมของ INETREIT ถือเป็นการสอดรับกับทิศทางการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรม Data Center ทั้งในระดับโลกและประเทศไทย ซึ่งได้รับแรงหนุนจากนโยบายภาครัฐ เช่น "ไทยแลนด์ 4.0" และการเติบโตของเทคโนโลยีที่ต้องใช้ข้อมูลมหาศาลอย่าง AI, 5G, และ IoT โดยข้อมูลจาก บทวิเคราะห์ด้านการลงทุน บริษัท เมอร์ลินส์ โซลูชั่นส์ อินเตอร์แนชั่นนัล จำกัด คาดว่าอุปสงค์ของอุตสาหกรรมจะเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 19 ต่อปี ระหว่างปี 2564-2569 ซึ่งความต้องการนี้ยังได้รับแรงหนุนอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าตลาด Public Cloud จะเติบโตเฉลี่ยสะสมถึงร้อยละ 18 ระหว่างปี 2567-2571 ปัจจุบันองค์กรต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐมีแนวโน้มใช้บริการคลาวด์มากขึ้น เนื่องจากความคุ้มค่าและความยืดหยุ่นที่สูงกว่าการลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลของตนเอง

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเม้นท์ จํากัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จุดแข็งสำคัญของ INETREIT คือการลงทุนตรงใน Data Center กองแรกและกองเดียวในไทย และมีรายได้หลักมาจากสัญญาเช่าระยะยาว ซึ่งถือว่าสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างมั่นคง รวมถึงปัจจัยสนับสนุนด้านดอกเบี้ยขาลงที่ส่งผลให้กองมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

โดยมีผู้เช่าหลักคือ บมจ.อินเทอร์เน็ตประเทศไทย (INET) ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจ Data Center และ Cloud ในประเทศไทย ที่มีธรรมาภิบาลและศักยภาพเติบโตควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย โดยถือเป็นบริษัท Cloud Infrastructure ที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ใน Local Cloud ยิ่งกว่านั้น ในครึ่งปีแรก 2567 มีส่วนแบ่งตลาดบริการ Cloud ประเภท IaaS ที่ 10.8%

นอกจากนี้ INETREIT ยังคงรักษาความโดดเด่นในฐานะที่เป็นตัวเลือกการลงทุนในธุรกิจที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของยุคดิจิทัล ซึ่งเป็นกองทรัสต์ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ทั้งในแง่เงินลงทุนและความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี และกองทรัสต์มีนโยบายการจ่ายประโยชน์ตอบแทนที่ชัดเจนและสม่ำเสมอในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วของรอบปีบัญชี โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน กองทรัสต์มีการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแบบรายเดือน เพื่อสร้างกระแสรายรับให้แก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ

"การเดินหน้าเพิ่มทุนครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของ INETREIT ในการต่อยอดความสำเร็จและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรม Data Center ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งยังช่วยเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งให้กับกองทรัสต์ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์" นายสุตกานต์ กล่าว