Company Note
Charoen Pokphand Foods
ภาพรวมของธุรกิจไก่และสุกรในไตรมาส 3 อ่อนตัว โดยเฉพาะสุกรในประเทศไทย เวียดนาม และจีน จากช่วง Low Season, การขาดแคลนแรงงานกัมพูชาในไทย, การระบาดของโรค ASF ในเวียดนามส่งผลให้มีการเร่งระบายสุกร และจีนมีปัญหา Oversupply ประกอบกับ Demand ที่อ่อนตัว สำหรับธุรกิจไก่ในไทยอ่อนตัวเล็กน้อยจากช่วงฤดูฝน แนวโน้มไตรมาส 4 คาดว่าจะยังอ่อนตัว โดยคาดว่าราคาทั้งสุกรและไก่จะกลับมาดีขึ้นช่วงปลายปีในช่วง High Season เราคาดว่าผลประกอบการปี 2026F จะอ่อนตัว จากราคาปศุสัตว์สู่ระดับปกติและผ่านช่วงพีคไปแล้ว

คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/2025 (3Q25F) ลดลง จากราคาสุกรที่ปรับตัวลดลงแรง

เราคาดว่า CPF จะประกาศกำไรสุทธิ 3Q25F ที่ 6,129 ล้านบาท (-16% YoY, -41% QoQ) โดยคาดว่ารายได้รวมจะลดลง -3% YoY และ -6% QoQ จากธุรกิจสุกรในไทย ปัจจัยลบเพิ่มเติมจากปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้แรงงานกัมพูชาบางส่วนย้ายกลับประเทศ นำไปสู่การขาดแคลนแรงงานในกระบวนการเชือดในอุตสาหกรรมสุกรไทย กดดันให้ผู้ประกอบการเร่งขาย ประกอบกับราคาที่ลดลงตามต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับลดลงเช่นกัน สำหรับเวียดนาม เกิดจากการระบาดของโรค ASF ส่งผลให้มีการเร่งขายสุกร ส่วนจีนเผชิญแรงกดดันด้านอุปทานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาสุกรปรับตัวลดลง

ราคาเฉลี่ยสุกรไทยใน 3Q25 อยู่ที่ 64 บาท/กก. (-10% YoY, -27% QoQ), เวียดนามราคาสุกรอยู่ที่ 59,000 VND/กก. (-4% YoY, -14% QoQ) ซึ่งยังสูงกว่าต้นทุนเฉลี่ยเล็กน้อย, จีนราคาสุกรอยู่ที่ 13.8 RMB/กก. (-30% YoY, -6% QoQ) ต่ำกว่าต้นทุนที่ 14.5–15 RMB, ราคาไก่ในไทยเฉลี่ยใน 3Q25F อยู่ที่ 39 บาท/กก. (-8% YoY, -2% QoQ) สูงกว่าต้นทุน 36–37 บาท/กก.

คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น YoY จากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แต่ลดลง QoQ จากราคาปศุสัตว์ที่ลดลงมากกว่า ราคากากถั่วเหลืองปัจจุบันอยู่ที่ 16 บาท/กก. (-24% YoY, -4% QoQ) ตามผลผลิตการเก็บเกี่ยวที่เพิ่มขึ้น ราคาข้าวโพดอาหารสัตว์ทรงตัวตามปัจจัยฤดูกาลคาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสัดส่วนรายได้ที่ลดลงมากกว่า
คาดว่าบริษัทจะรับรู้กำไรจากบริษัทร่วมลดลง (-15% YoY, -13% QoQ) จาก CTI และบริษัทร่วมอื่น ๆ เช่น CPALL และ CPAXT ตามช่วง Low Season และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

ยังคงประมาณการเดิม ราคาปศุสัตว์ที่ลดลงเร็วกว่าที่คาด

แนวโน้ม 4Q25F เราคาดว่ากำไรจะยังอ่อนตัว จากราคาปศุสัตว์ที่ยังปรับลดลง โดยคาดว่าราคาจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปลายปี หลังเทศกาลกินเจ และเข้าสู่ช่วง High Season ของการท่องเที่ยว เรายังคงประมาณการเดิม โดยคาดว่ากำไรปี 2025F จะเติบโตได้ 56% YoY จากราคาปศุสัตว์ที่ค่อนข้างสูงทั้งไก่และสุกรในช่วงครึ่งปีแรก แต่เริ่มอ่อนตัวในครึ่งปีหลัง ในขณะที่ราคาต้นทุนวัตถุดิบทั้งกากถั่วเหลืองและข้าวโพดปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก สำหรับปี 2026F เราคาดว่ากำไรจะปรับตัวลดลง 15% YoY จากราคาสุกรที่ผ่านจุดสูงสุดในปี 2025 โดยอยู่ที่ระดับ 70 บาท/กก. คาดว่าการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม เช่น CPALL, CPAXT และ Chia Tai Investment (ถือหุ้น 35%) ซึ่งทำธุรกิจสุกรและอาหารสัตว์ในจีน จะช่วยสนับสนุนผลประกอบการในระยะถัดไป

เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายที่ 27 บาท

อิงวิธี Sum-of-the-Part เทียบเท่า PER Forward ที่ 8.7 เท่า ขณะที่ปัจจุบัน PER26F อยู่ที่ 7.4 เท่า และ Dividend Yield คาดที่ 6.2% ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ ความผันผวนของราคาปศุสัตว์และต้นทุนวัตถุดิบ การระบาดของโรค และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งยังคงกดดันต่อ Demand