สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(3ตุลาคม 2568)----------นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง (BLS)เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทย ยังไม่ได้อยู่ในโฟกัสของนักลงทุนต่างชาติ แม้ว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำหน้าที่แล้ว แต่ต่างชาติน่าจะยังรอดูความชัดเจนของนโยบายต่าง ๆ และอีกอย่างคือรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลชั่วคราวด้วย ขณะเดียวกัน Valuation ของดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็ไม่ได้ถูก ระดับ P/E 14.4 เท่า เทียบกับตลาดหุ้นในอาเซียนที่อยู่ในะดับเฉลี่ย 12.4 เท่า ทำให้ตลาดหุ้นอื่นน่าสนใจกว่าตลาดหุ้นไทย โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ นักลงทุนต่างชาติ ก็ขายหุ้นไทยไปแล้วกว่า 9 หมื่นล้านบาท
นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนเพื่อบริหารความมั่งคั่ง สายงานวิจัย (นักกลยุทธ์การลงทุน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้ บล.บัวหลวง ให้เป้าหมายดัชนี SET อยู่ที่ 1,280-1,300 จุด เนื่องจากการส่งออกของไทยยังเป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจ โดยคาดว่าไตรมาส 3 การส่งออกจะชะลอลง และจะติดลบในไตรมาส 4 ส่วนในปี 69 มองดัชนี SET ที่ 1,440 จุด
สำหรับธีมการลงทุนในไตรมาส 4 ปีนี้ แนะนำธีมท่องเที่ยว กลุ่มหุ้นรับประโยชน์จากโครงการคนละครึ่ง อาทิ CPAXT ได้ประโยชน์โดยตรง CPALL ได้ประโยชน์ทางอ้อม ICHI งบดีและได้ประโยชน์โดยตรง ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้าน่าสนใจจากการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ WHAUP, GULF , BGRIM
ดร.วัชราภรณ์ กันทะพะเยา - ผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนเพื่อบริหารความมั่งคั่ง สายงานวิจัย (นักเศรษฐศาสตร์) บมจ. หลักทรัพย์ บัวหลวง กล่าวว่า บริษัทฯได้ปรับคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปีนี้เป็น 1.8% จาก 1.4% จากยอดส่งออก 7 เดือนแรกเติบโต 14% ที่มีการเร่งการส่งออก และในช่วงครึ่งปีหลังเห็นส่งออกได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐ โดยคาดว่าปีนี้ยอดส่งออกจะเติบโตเพียง 5% และคาดว่าปีนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือนธ.ค. ในอัตรา 0.25%
สำหรับปีหน้า คาดว่า GDP จะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงอยู่ที่ 1.6% จากที่คาดว่าจะเติบโต 1.8% ในปี 2568 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงมาจากสถานการณ์การส่งออก โดยเฉพาะผลกระทบจาก Reciprocal Tariff ที่จะถูกนำมาใช้โดยสหรัฐอเมริกา ทำให้การนำเข้าสินค้ากระจุกตัวอยู่ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ส่งผลให้การส่งออกเติบโตสูงถึง 14% และคาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 5% ในช่วงปลายปี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงปีหน้า โดยคาดว่าการส่งออกของไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2569 จะเติบโตเพียง 0.4 - 0.5% เท่านั้น และคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงสองไตรมาสสุดท้ายของปี 2569
อย่างไรก็ตาม บล. บัวหลวง ยังคงมองเห็นปัจจัยบวกภายในที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง การลงทุนภาคเอกชน (Private Investment) และ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่จะเข้ามาสนับสนุนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง