Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ส่องแหล่งขอทุนสำคัญด้าน Climate Change ที่องค์กรไทยควรรู้

99

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (3 ตุลาคม 2568 )-----• ช่องว่างทางการเงินด้าน Climate Finance ของไทยยังมีอยู่มาก โดยปัจจุบันไทยลงทุนด้านการเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศเพียง 1.7 ล้านล้านบาท แต่ความต้องการสูงถึง 28.7 ล้านล้านบาท เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
 
• แม้มีแหล่งทุนระดับโลกและในประเทศหลากหลาย แต่การเข้าถึงยังยากเพราะขั้นตอนที่ซับซ้อน เงื่อนไขการกู้ และข้อจำกัดด้านความรู้ความเข้าใจทางการเงิน ทำให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก
 
• รูปแบบมี ตั้งแต่ Grant, Seed Funding, Loan ไปจนถึง Co-Finance แต่ละประเภทมีข้อดี–ข้อจำกัดต่างกัน การเลือกใช้ที่เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก สามารถขับเคลื่อนโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและแข่งขันได้ในเวทีโลก
 
 
 
ปัจจุบันประเทศไทยมีการลงทุนในการเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Finance) มูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท ในขณะที่มีความต้องการเงินทุนสูงถึง 28.7 ล้านล้านบาท  เพื่อดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งการดำเนินงานตามมาตรการและแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มข้นขึ้นทั้งจากในและนอกประเทศ

 
Climate Finance กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยผู้ประกอบการรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ดี องค์กรจำนวนมากยังขาดความรู้และความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนถึงแม้แหล่งเงินทุนทางเลือกหลัก เช่น การกู้สินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ ที่เข้าถึงได้ง่าย
และคุ้นเคยกว่า แต่ก็อาจมีอัตราดอกเบี้ย ภาระหนี้ และข้อกำหนดค้ำประกัน ซึ่งอาจเป็นภาระหนักสำหรับผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ SMEs 

กองทุนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลกมีการระดมทุนจัดตั้งกองทุนขึ้นเพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งในโครงการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) และโครงการเพื่อการปรับตัว (Adaptation) โดยมีกองทุนสำคัญ แบ่งเป็นกองทุนระดับโลก และกองทุนภายในประเทศ ได้แก่



แหล่งทุนด้าน Climate Change ไม่ได้มีลักษณะเหมือนสินเชื่อทั่วไป แต่ถูกออกแบบให้มีความหลากหลายของเครื่องมือทางการเงิน เพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างกันของหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และ SMEs โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลัก ซึ่งมีความเหมาะสม ข้อดี และข้อจำกัด แตกต่างกันออกไป ดังนี้:


การเข้าใจประเภทของแหล่งทุนจะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถเลือกเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม กับลักษณะโครงการและศักยภาพทางธุรกิจของตน ไม่ว่าจะเป็นโครงการเล็กเชิงทดลอง หรือโครงการใหญ่ที่ต้องการลงทุนจริงจัง

ปัจจัยอื่น ๆ ที่ธุรกิจต้องพิจารณา

องค์กรหรือภาคธุรกิจไทยควรพิจารณาข้อกำหนดของแต่ละกองทุนเพื่อให้เหมาะสมกับธุรกิจ นอกจากนี้ยังควรติดตามข้อมูล ได้แก่ (1) นโยบายส่งเสริมการเข้าถึงเงินทุนของประเทศ (2) รอบการเปิดรับข้อเสนอโครงการ และ (3) การพัฒนาปรับปรุงข้อเสนอโครงการ เพื่อเป็นข้อได้เปรียบในการขอรับเงินทุน โดยสามารถศึกษารายละเอียดของผู้ให้ทุน ส่วนใหญ่จะมีการเปิดเผยข้อมูลในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลต่อสาธารณะ การศึกษาข้อมูลกองทุนช่วยให้การเตรียมตัวยื่นขอทุนมีความสมบูรณ์ถูกต้อง หากมีข้อสงสัยหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามหรือขอคำปรึกษาจากหน่วยงานผู้ให้ทุนได้

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้