AT THE OPEN (#ATO)
SET Index คาดขยับกรอบขึ้น
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง

Market Strategy
SET Index คาดฟื้นและบวกกระจายตัวได้ดีขึ้นตามกรอบ 1270-1285 จุด แรงหนุนจากการปรับลดดอกเบี้ยฯของ FED ง่ายขึ้นหลังตัวเลขภาคแรงงานอ่อนแอ ด้านปัจจัยในประเทศมาตรการคนละครึ่งพลัส และกระตุ้นท่องเที่ยวที่มีความชัดเจนขึ้น หุ้นเด่นวันนี้เลือก BGRIM และยังชอบAP

ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ปรับขึ้น +0.34% ท่ามกลางภาวะ Government Shutdown ที่เริ่มขึ้นเป็นวันแรก ซึ่งการกลับมาเปิดได้เร็วสุดคือวันศุกร์ที่ 5 ต.ค.ที่เป็นกำหนดวันที่วุฒิสภาสหรัฐฯ จะกลับมาพิจารณา ด้านผลสำรวจที่ CNBC รายงานคาดว่าการปิดจะกินเวลาราว 11 วัน ถือว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2524 อยู่ที่ 7 วัน ทั้งนี้หากพิจารณาเฉพาะช่วงที่เกิด Government Shutdown เกิน 10 วันในอดีต มีทั้งหมด 3 ครั้ง พบ S&P500 Index ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +4.2% ด้าน SET Index เพิ่มขึ้นเฉลี่ย +4.6% จึงคงมุมมองแรงกดดันต่อตลาดหุ้นบ้านเราจำกัด

ผลข้างเคียงของ Government Shutdown ทำให้รายงาน NFP วันศุกร์นี้มีโอกาสเลื่อนออกไป ทำให้ตลาดให้น้ำหนักกับรายงาน ADP Employment ที่มี Correlation กับ NFP สูงที่ 72% มากขึ้น ซึ่งวานนี้ ADP Employment เดือน ก.ย. ออกมาลดลง3.2 หมื่นตำแหน่งต่ำกว่าตลาดคาด เพิ่มขึ้น 5 หมื่นตำแหน่ง สะท้อนแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ ทำให้ตลาดเพิ่มโอกาส FED จะปรับลดดอกเบี้ยฯ ในเดือน ต.ค. ที่ 99% จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 73% กดดัน U.S.Bond Yield 10 ปีปรับลง 5 bps มองเป็นโอกาสเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อย่างกลุ่มโรงไฟฟ้า BGRIM GPSC และกลุ่มไฟแนนซ์ MTC KTC

ปัจจัยในประเทศมีรายละเอียดเพิ่มเติมของมาตรการกระตุ้นรัฐบาล เช่น คนละครึ่งพลัสคาดเสนอ ครม.วันที่ 7 ต.ค. และเริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 29 ต.ค.-ธ.ค.68 ดีต่อ ICHI CBG CPAXT BJC รวมถึงมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรองนำค่าใช้จ่ายลดหย่อนภาษี 2 เท่าที่คาดเสนอ ครม. 14 ต.ค. ซึ่งเป็นบวกในเชิง Sentiment ต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวอย่าง ERW ที่สัดส่วนรายได้จากเมืองรอง ราว 5%

Market Summary
SET Index ปรับขึ้นเกือบ 1 จุด แต่การกระจายถือว่าไม่ดี เพราะมาจาก DELTA +6% หนุนดัชนีไป 9 จุด ส่วนหุ้นอื่นๆกลับเป็นลง ส่วนใหญ่ สะท้อนได้จากหุ้นใน SET100 ติดลบถึง 77 บริษัท เทียบกับหุ้นปิดบวกเพียง 13 บริษัท สำหรับกลุ่มบวกชนะตลาด กลุ่ม ICT +0.2% จาก TRUE และ ADVANC ที่คาดงบ 3Q68 โต QoQ/YoY กลุ่มรับหมาฯ STECON +3% จากตั้งบริษัทร่วมทุน รุกธุรกิจอสังหาฯ กับ NOBLE ส่วนกลุ่มที่ Underperform กลุ่มพลังงาน -1.7% ตามราคาน้ำมันดิบ กลุ่มโรงพยาบาล -0.8% จากเสนอนโยบายแก้ปัญหาค่ารักษาและยาแพง

DAILY Stock Pick
BGRIM
อานิสงส์จากทั้งดอกเบี้ยขาลงและ
ราคาก๊าซที่ปรับตัวลง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 16.00 บาท
LNG JKM ปรับตัวลง 2.7%WoW ตามทิศทางราคาน้ำมันหลังตลาดกังวลอุปทานจาก OPEC+ เพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 5 ต.ค. นี้ ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติลดลง (40% ความต้องการก๊าซธรรมชาติของไทย) หนุนกลุ่มโรงไฟฟ้า อย่าง BGRIM
ในขณะที่ Maybank Group คาดว่า การประชุม กนง. วันที่ 8 ต.ค. นี้ ลดดอกเบี้ย 25 bps และอีก 25 bps ในปี 69 ส่งผลอัตราดอกเบี้ยของไทยเหลือ 1% จาก 1.5% ในปัจจุบัน โดยทุกการลดดอกเบี้ย 25 bps หนุน upside กำไรของ BGRIM 2.7% ใน ปี 68

WEEKLY Stock Pick
AP
ผลประกอบการจะเร่งตัว 2H68-69
แถมปันผลที่สูงน่าจูงใจ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 10.50 บาท
ผลประกอบการน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยเราคาด 2H68 กำไรจะเร่งตัว 50%HoH หนุนการรับรู้รายได้จาก Backlog เดิมและเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก
ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER68/69 ที่ 6.0/5.4 เท่า พร้อมปันผลปี 68/69 ที่สูงเฉลี่ย 6.6% ต่อปี ส่วน Catalyst ในระยะถัดไปเราเชื่อว่าจะได้ Sentiment บวกต่อความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยฯ ของ กนง. ซึ่งเราคาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยฯ ในปีนี้ 1 ครั้งและช่วง 1H69 อีก 1 ครั้ง

KEY FACTOR
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เดือน ก.ย. หดตัว -3.2 หมื่นตำแหน่ง สวนทางกับที่ Consensus คาดว่าจะ +5.1 หมื่นตำแหน่ง สอดคล้องกับสัญญาณตลาดแรงงานชะลอที่เห็นจาก JOLTS และข้อมูลการจ้างงานก่อนหน้า ส่งผลให้นักลงทุนจึงเพิ่มน้ำหนักต่อโอกาสการลดดอกเบี้ยของ Fed อีกสองครั้งภายในปีนี้ และลดดอกเบี้ย 4-5 ครั้ง ในปีหน้า เช่นเดียวกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ 4.1%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น +0.34% แม้มีประเด็นทางการเมือง Government Shutdown แต่ผลกระทบต่อตลาดยังจำกัด ในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตามหากประเด็นนี้ยืดเยื้อและทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญเลื่อนประกาศ ขณะที่ท่าทีแข็งกร้าวของรีพับลิกันอาจสร้างความกังวลต่อการใช้จ่ายภาครัฐฯในช่วงถัดไป

EYES ON
2 ต.ค. อัตราการว่างงาน Eurozone
3 ต.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ