สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(30 กันยายน 2568)----------นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ร่วมงานสัมมนา “ประเทศไทยต้องรอด SAVE THAILAND: Restore • Reframe • Rise” จัดโดยสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า โดยนำเสนอมุมมองการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยภายใต้หัวข้อ “ฝ่าวิกฤต พลิกอนาคตเศรษฐกิจไทย ด้วยพลวัตใหม่” เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568
นายผยงกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า เผชิญความท้าทายใน 3 ด้านคือ 1. ความเปราะบางเชิงโครงสร้าง โดยประเทศไทยยังมีเศรษฐกิจนอกระบบสูงเป็นลำดับต้นๆ ในเอเชียที่ราว 48% ของ GDP ทำให้รัฐจัดเก็บภาษีได้จำกัดและส่งเสริมการพัฒนาได้ไม่ทั่วถึง อีกทั้ง หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง เมื่อรวมหนี้นอกระบบ เกิน 100% ของ GDP ขณะที่ข้อมูลหนี้ในระบบไม่สมบูรณ์ บางส่วนยังไม่มีอยู่ในฐานข้อมูลเครดิตของ NCB
2.ขาดความสามารถในการแข่งขันในโลกใหม่ โดยเศรษฐกิจไทยเติบโตตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เงินไทยไหลออกไปลงทุนในต่างประเทศต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน 3.ความท้าทายของภาครัฐ กฎระเบียบจำนวนมากถึงกว่า 100,000 ฉบับ บางส่วนล้าสมัยและซ้ำซ้อน อีกทั้ง ข้อมูลของภาครัฐยังไม่เชื่อมโยงกัน
ทั้งนี้ “Reinvent Thailand เน้นการมีส่วนร่วม โดยภาคเอกชนเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อน ภาคการเงินช่วยจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ภาครัฐสนับสนุนและสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปรับตัว โดยการทำงานของแพลตฟอร์ม Reinvent Thailand เริ่มจากการมีการระบุปัญหาที่ชัดเจน เรียงลำดับความสำคัญโดยเน้นเรื่องที่มีผลลัพธ์สูง (High impact) พร้อมกำหนดเจ้าภาพที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกฝ่ายมี Commitment ร่วมกัน ในการขับเคลื่อน สร้างพื้นที่การมีส่วนร่วมครบทุกขั้นตอนแบบ End-to-End ใช้ Data-driven policy โดยอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำเป็นหลัก ขณะเดียวกันยังต้องสร้างแรงจูงใจที่ถูกต้องภายใต้หลัก “ทำดี ได้ดี” เพื่อให้เกิดการปรับตัวของภาคธุรกิจและประชาชน และสุดท้ายต้องมุ่งเน้น Result Oriented โดยติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่องด้วย KPI ที่ชัดเจน ทั้งนี้ ควรให้ความสำคัญกับ 5 อุตสาหกรรมที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจก่อให้เกิดการจ้างงานและยกระดับรายได้ครัวเรือน ประกอบด้วย อุตสาหกรรมท่องเที่ยว เกษตรและอาหาร ยานยนต์ Medical & Wellness และ Smart Electronic
นายผยง กล่าวว่า สมาคมธนาคารไทยได้นำเสนอ 5 แนวทางในการเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นรูปธรรม ต่อนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจในโอกาสที่ไปแลกเปลี่ยนมุมมองกับสมาคมธนาคารไทย ประกอบด้วย
1.ผันเศรษฐกิจนอกระบบเข้าในระบบ ทำให้การเข้าสู่ระบบสะดวก ลดขั้นตอน เอกสาร และกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ซึ่งระบบของภาครัฐต้องเชื่อมโยงกัน ไม่ซ้ำซ้อน พร้อมทั้งให้แรงจูงใจ ลดความกังวลภาระภาษีย้อนหลัง และเปิดโอกาสให้เข้าถึงความช่วยเหลือจากภาครัฐ
2.แก้ปัญหาหนี้ ผลักดันให้เจ้าหนี้ทุกรายส่งข้อมูลเข้าสู่ฐานข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพื่อสร้าง National Credit Score และแยกกลุ่มลูกหนี้ตามศักยภาพ ได้แก่ จมน้ำ ปริ่มน้ำ และพ้นน้ำ เพื่อให้การช่วยเหลือเหมาะสม รวมถึงการเพิ่มเครื่องมือ AMC ภายใต้หลักการรักษาความเป็นธรรมของข้อมูลตาม PDPA
3.ยกระดับรายได้ครัวเรือน ส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงงานไทยและยกระดับรายได้ผ่านการจ่ายค่าตอบแทนตามทักษะ (Right Skill, Right Compensation) ควบคู่กับการปรับปรุงสวัสดิการให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสม
4.ผลักดันการลงทุนในประเทศ ดึงดูด FDI และการลงทุนด้านเทคโนโลยี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ พร้อมยกระดับ Local Content โดยมีแรงจูงใจที่ชัดเจน และเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจท้องถิ่นโดยเฉพาะรายเล็ก เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย
5.เติมเครื่องมือช่วย SMEs ผลักดันการยกระดับ Operating Model ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดยไม่จำเป็นต้องสร้างองค์กรใหม่ พร้อมสนับสนุนการใช้ PromptBiz เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs