สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (30 กันยายน 2568 )-----ไทวัสดุ ผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล  ตอกย้ำบทบาทองค์กรธุรกิจฮาร์ดไลน์สีเขียว ในการเป็น Retail and Wholesale For All ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและมุ่งสู่ความยั่งยืน เดินหน้าติดตั้ง  โซล่าร์           รูฟท็อป (Solar Rooftop) ที่ไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม ครอบคลุมแล้วกว่า 86 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2563 จนถึงปัจจุบัน สามารถผลิตไฟฟ้าสะสมได้มากกว่า 221.8 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ช่วยลดการใช้กระแสไฟฟ้าได้มากถึง 40%  และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 13 ล้านต้น พร้อมเดินหน้าขยายการติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปเพิ่มขึ้นรวมเป็น 11 สาขาภายในปี 2568 ทั้งนี้เพื่อก้าวเข้าสู่มาตรฐานอาคารสีเขียว หรือ Green Building Standard ตลอดจนร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกภาคธุรกิจและภาคชุมชนหันมาให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาด เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero 2050)

นายธนวัฒน์ จิรังคพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล   รีเทล เผยว่า ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคพลังงานอุตสาหกรรม การขยายตัวของเมือง การคมนาคมขนส่ง และภาคเกษตรกรรม ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก โดยซีอาร์ซี ไทวัสดุ ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและได้มีการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด รวมถึงการสนับสนุนให้พนักงานในองค์กร คู่ค้า และลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการประหยัดพลังงาน ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และดูแลสิ่งแวดล้อมภายในชุมชนอย่างยั่งยืน

"ไทวัสดุ มุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรเป็น 'ธุรกิจฮาร์ดไลน์สีเขียว' โดยเฉพาะการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปที่โมเดิร์นเทรดไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม ทุกสาขาทั่วประเทศมาตั้งแต่ปี 2563  ทั้งนี้ โซลาร์รูฟท็อป เป็นอีกโซลูชันสำคัญในการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากระบบสาธารณูปโภค ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในระยะยาว และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในอนาคต ไทวัสดุยังมีแผนขยายการติดตั้งโซลาร์รูปท็อปอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาระบบด้านบริหารจัดการพลังงาน  (Energy Management System)  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับมาตรฐานอาคารเขียวสากล เช่น TREES และ LEED ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงการตอกย้ำบทบาทของไทวัสดุในการเป็นองค์กรที่ยั่งยืน และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันสังคมไทยไปสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 นอกจากนี้ ยังเป็นการยกระดับธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างไทยเข้าสู่ Green Transformation อย่างแท้จริง ตอกย้ำบทบาทผู้นำที่แตกต่างจากในตลาด ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญที่ธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างในประเทศไทยเดินหน้าเปลี่ยนผ่านด้วยการลงทุนขนาดใหญ่ในพลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้ไทวัสดุไม่เพียงเป็นผู้ค้าปลีก แต่กำลังก้าวสู่การเป็น Game Changer ที่สร้างมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม

นอกจากผลลัพธ์เชิงธุรกิจที่ช่วยลดต้นทุนพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว การให้บริการ Solar Rooftop ในทุกสาขายังทำให้เกิดเครือข่ายความยั่งยืน (Sustainability Network) กระจายออกไปสู่หลายพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่ย่านที่อยู่อาศัยจนถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ซึ่งไม่เพียงยกระดับอาคารให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยังเป็นการสนับสนุนให้ทุกครอบครัวและธุรกิจไทยสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดและช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ทั้งนี้ ความมุ่งมั่นของไทวัสดุไม่ได้สะท้อนเพียงการลงทุนด้านพลังงานสะอาดภายในองค์กรเท่านั้น แต่ยังส่งต่อโซลูชันแก่ลูกค้า โดยไทวัสดุทุกสาขา มีการให้บริการติดตั้งระบบ Solar Rooftop โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งยังจำหน่ายสินค้าและอุปกรณ์สำหรับระบบ Solar Cell จากแบรนด์ชั้นนำ อาทิ แผง Solar จาก "JINKO", ระบบ Inverter จาก "HUAWEI", และอุปกรณ์ติดตั้งระบบ Solar จาก "GIANT KINGKONG" และ "GIANTTECH"  โดยไทวัสดุได้คัดสรรสินค้า ที่มีคุณภาพ เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า  ซึ่งส่งผลให้ยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Solar Cell ของไทวัสดุมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกปี" นายธนวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

 

 

ไทวัสดุ ยังดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมในหลายมิติ ตั้งแต่การเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างรายแรกของไทยที่พัฒนาระบบกรีนโลจิสติกส์ (Green Logistics) ด้วยการนำรถบรรทุกพ่วงแม่–ลูกพลังงานไฟฟ้า (EV Truck) มาใช้ในการขนส่งสินค้า การร่วมมือกับกลุ่มเซ็นทรัลและพันธมิตรชั้นนำในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Eco Product และบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับฉลากเขียว (Green Label)  การรณรงค์แยกขยะและลดการใช้แผ่นฟิล์มพลาสติกห่อหุ้มพาเลทสินค้า ไปจนถึงการสร้างฝายและปลูกป่า  สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ CRC Care – Care for the Environment ของเซ็นทรัล รีเทล ทั้งนี้ไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม พร้อมเคียงข้างสังคมไทยในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี และร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืนต่อไป